ไม่นานหลังการสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ทรัมป์ก็เปิดเผยและลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารชุดใหญ่ ซึ่งมุ่งเป้าไปที่การลดจำนวนผู้อพยพ และเปลี่ยนแปลงวิธีการของสหรัฐ ในการกำหนดว่าใครสามารถอยู่อาศัยในประเทศได้ โดยประเด็นที่ได้รับความสนใจมากที่สุด เกี่ยวข้องกับบทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐครั้งที่ 14 ว่าด้วยการให้สัญชาติแก่บุคคลใดก็ตามที่เกิดในสหรัฐ
เนื้อหาส่วนหนึ่งของบทบัญญัติดังกล่าวระบุว่า บุคคลทุกคนที่เกิด หรือแปลงสัญชาติในสหรัฐ รวมถึงอยู่ภายใต้เขตอำนาจศาลของสหรัฐ ถือเป็นพลเมืองของสหรัฐ และพลเมืองของรัฐที่ตนเองอาศัยอยู่
อย่างไรก็ตาม คำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ จะห้ามไม่ให้รัฐบาลกลางออกหนังสือเดินทาง ใบรับรองสัญชาติ หรือเอกสารอื่น ๆ ให้กับเด็กที่มีมารดาอยู่ในประเทศอย่างผิดกฎหมายหรือชั่วคราว และมีบิดาที่ไม่ใช่พลเมืองสหรัฐ หรือเป็นผู้อยู่อาศัยถาวร
นายกิล เกร์รา นักวิเคราะห์นโยบายการย้ายถิ่นฐานจาก “นิสกาเนน เซ็นเตอร์” ซึ่งเป็นคลังสมองด้านการเมืองของสหรัฐ กล่าวว่า แนวคิดเรื่องการให้สัญชาติโดยอัตโนมัติ ถือเป็นลักษณะเฉพาะของการทดลองของอเมริกา อีกทั้งการที่ทุกคนที่เกิดในสหรัฐ มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างแท้จริงในประเทศ ยังกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกถึงความสามัคคี ซึ่งไม่มีอยู่ในระบบอื่น ๆ
“มันช่วยสร้างความกลมกลืน ด้วยการทำให้คนที่เกิดที่นี่รู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของสังคมทันที และผมคิดว่า สิ่งที่ผู้คนมักมองข้ามคือ มันทำให้บุตรหลานของผู้อพยพต้องรับผิดชอบ ในการมองว่าตัวเองเป็นชาวอเมริกัน และคนรักชาติ” เกร์รา กล่าวเพิ่มเติม
เนื่องจากสหรัฐในปัจจุบัน ไม่ได้รับผลกระทบจากแนวคิดแบ่งแยกดินแดนเหมือนกับประเทศมหาอำนาจอื่น ๆ ของโลก เช่น รัสเซีย ซึ่งมีประชากรบางส่วนรู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสังคม นั่นจึงทำให้สหรัฐ สามารถหลีกเลี่ยงปัญหานั้นได้อย่างสมบูรณ์ เพราะอัตลักษณ์ทางการเมืองของประเทศ ตั้งอยู่บนรากฐานที่ว่า “หากคุณเกิดในสหรัฐ คุณคือชาวอเมริกัน”
ขณะที่ นายอารอน ไรช์ลิน-เมลนิก นักวิจัยอาวุโสจากสภาตรวจคนเข้าเมืองแห่งอเมริกา กล่าวว่า บทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐครั้งที่ 14 “มีความชัดเจนมาก” และการทำให้เรื่องยุ่งยากขึ้น จะส่งผลกระทบต่อประชาชน มากกว่าทารกที่เกิดจากผู้อพยพผิดกฎหมาย
“ก่อนหน้านี้ สิ่งที่คุณต้องการคือ สูติบัตรที่พิสูจน์ว่าคุณเกิดที่นี่ แต่ในตอนนี้ คุณต้องแสดงเอกสารที่ยืนยันเชื้อสายและสัญชาติของพ่อแม่อย่างละเอียด ส่งผลให้ชีวิตของทุกคนยากลำบากมากขึ้น” ไรช์ลิน-เมลนิก กล่าเสริม
ทั้งนี้ทั้งนั้น คำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ เผชิญกับความท้าทายทางกฎหมายทันที โดยรัฐทั้งหมด 22 แห่ง รวมถึงรัฐแคลิฟอร์เนีย และรัฐนิวยอร์ก ร่วมกันยื่นฟ้องคดีความ 2 คดี เพื่อขัดขวางการบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ซึ่งมันมีแนวโน้มที่ค่อนข้างแน่นอนว่า ประเด็นนี้จะลงเอยที่ศาลฎีกาสหรัฐ.
เลนซ์ซูม
เครดิตภาพ : AFP