ท่ามกลางบรรยากาศ ฝุ่นพิษตลบอบอวล โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดปริมณฑล นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม ปทุมธานี ฯลฯ กลายเป็นพื้นที่ จมฝุ่น PM2.5ถึงขั้นต้องหยุดโรงเรียน พร้อมหามาตรการแก้ไขเฉพาะหน้า ล่าสุด กองทัพอากาศ นำเครื่องบินปฏิบัติการลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่กรุงเทพฯ ด้วยวิธีการเจาะชั้นบรรยากาศโปรยน้ำแข็งแห้งและสารฝนหลวง

ปัญหา PM2.5 ยังถูกนำไปตอบกระทู้ในสภา นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม พรรคร่วมรัฐบาลลุยจริงจัง สั่งปิดโรงงานน้ำตาล ที่มีการรับซื้ออ้อยเผาจำนวนมากเกินเกณฑ์ให้งดรับซื้ออ้อยเผา ไม่เกิน 25% ต่อวัน (เริ่มดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่ ต.ค.67)

การแก้ปัญหาเฉพาะหน้ายิ่งกลายเป็นอีกโจทย์ใหญ่ ท้าทายฝีมือรัฐบาล หลังจาก นายกฯอิ๊งค์-แพทองธาร ชินวัตร แถลงผลงานรัฐบาลบริหารมาครบ 3 เดือนช่วงปลายปี 67 พร้อมย้ำเดินหน้านโยบาย ภายใต้แคมเปญ2568 โอกาสไทย ทำได้จริง จากผลงานที่เป็นรูปธรรม สู่อนาคตที่ทำได้จริง“

นอกจากรัฐบาลกำลังเผชิญปัญหาฝุ่นควันพิษแล้ว อีกมรสุมที่กำลังก่อตัวสัปดาห์ที่แล้ว ม็อบรวมมิตร มีบรรดาคนดังทั้งจาก อดีตแกนนำ ม็อบมือตบเสื้อเหลือง ที่เคยทำให้ ทักษิณ ชินวัตร ถูกรัฐประหารต้องไปใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนนาน 17 ปี, อดีตแกนนำ ม็อบนกหวีด กปปส. ขับไล่ ..ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯหญิงคนแรกเมืองไทย ทำให้ พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีต ผบ.ทบ.เป็นผู้นำกองทัพออกมายึดอำนาจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องลี้ภัยไปใช้ชีวิตต่างแดนยังไม่ได้กลับไทย

อีกทั้งยังมีอดีตแกนนำ ม็อบเสื้อแดง ผสมโรงไปยื่นหนังสือถึงนายกฯอิ๊งค์ เพื่อทวงถามคำตอบจากรัฐบาลในหลายเรื่อง อาทิ กรณีการรักษาอาการป่วยของทักษิณ ชินวัตร ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ,คัดค้านบ่อนการพนันกาสิโน และการพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย, กรณีคำสั่งเพิกถอนที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ มาเป็นที่ธรณีสงฆ์ตามเดิม ฯลฯ ความดุเดือดยิ่งไม่ธรรมดา เพราะบางคนถึงขั้นกล่าวว่า ถ้าประชาธิปไตยมันชั่วแบบนี้ เลิกประชาธิปไตยกันเถอะครับ

จากพุ่งเป้าไปที่รัฐบาล แต่เหมือนเป้าประสงค์หวังให้ห่ากระสุนตกไปโดนทั้งพ่อ-ลูกชินวัตร จะว่าไปแล้ว แกนนำม็อบรวมมิตร พอจะจับสัญญาณรู้อารมณ์ของทักษิณได้จากการไปตระเวนขึ้นปราศรัยบนเวทีหาเสียงให้ผู้สมัครนายก อบจ.หลายจังหวัด พร้อมตอบโต้ให้สัมภาษณ์สถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบันแบบดุดัน เหมือนสมัยตัวเองเป็นนายกฯ

ฝ่ายตรงข้ามเฝ้ารอจังหวะเมื่อเห็นเดินเกมเข้าทางจึงรีบโยงไปถึงข้อมูลอาการป่วยที่เคยอ้าง ทั้งโรครุมเร้าเคยติดโควิด 3 รอบ อาการหนักถึงขั้นเข้าไอซียู ใส่เฝือกคอป่วยโรคกระดูกคอเสื่อม, เส้นเอ็นแบนเปื่อยยุ่ย ผ่าตัดแล้วแต่ยังไม่ปกติ ฯลฯ แต่ยังไปลุยตระเวนขึ้นเวทีช่วยหาเสียงได้แบบชิลชิลบ่อยครั้ง ที่สำคัญไม่ได้มีทีท่าอยากอยู่บ้านมีความสุขเลี้ยงหลาน ๆ ตามที่เคยพูดไว้

บรรดาคอการเมืองต่างเริ่มปูเสื่อดูจะกลายเป็นอีกบทเรียนสำคัญ ของการไม่ปรับตัว “อยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้” ยิ่งถ้ายังเชื่อมั่นดันทุรังเดินเกมแบบเสี่ยง ๆ พร้อมกันหลายด้านเช่นนี้แล้วก็น่าห่วง ปัจจุบัน ปัญหาปากท้องข้าวของแพง เป็นอีกเรื่องกำลังถูกพูดถึง หาก “ม็อบรวมมิตร“ ดึงชาวบ้านที่ทนไม่ไหวไปเป็นแนวร่วมจุดกระแสออกมาขับไล่รัฐบาล

ถ้าม็อบจุดติดบานปลาย จนบ้านเมืองเกิดความวุ่นวายแตกแยกรุนแรงอีกครั้ง!! ไม่รู้จะกลายเป็นชะตากรรมของ “รัฐบาลแพทองธาร” ต้องมาซ้ำรอยวังวนเดิม ๆ หรือไม่?.

………………………………………
เชิงผา

อ่านบทความทั้งหมดที่นี่…