ถึงขนาดที่ “ทักษิณ ชินวัตร” คุณพ่อของนายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” ได้ประกาศบน 3 เวทีหาเสียงเลือกตั้งอบจ. ที่จังหวัดนครพนม ว่า บรรดาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เหล่านี้ต้อง “หมดไป” ภายในปีนี้
แถมยังเฉลยชัดๆ อีกว่าที่นายกฯแพทองธาร ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทรมาหลอกลวงให้โอนเงินนั้น เป็นการใช้เอไอเพื่อเลียนแบบเสียงของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่กำลังเข้าพิธีรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ม.ค.นี้
โดยการหลอกลวง ก็อ้างให้นายกฯแพทองธาร โอนเงินบริจาค ไปที่แบงก์ที่ฮ่องกง จึงทำให้เกิดอาการ “เอ๊ะ” จึงรอดปลอดภัยจากการหลงเป็น “เหยื่อ”
ที่สำคัญ!! แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เหล่านี้ เหิมเกริม ไปหลอกลวง แอบอ้าง นำชื่อของคนใหญ่คนโต ในทุกแวดวงของเมืองไทย ไปหลอกลวงชาวบ้านชาวช่องแทบทุกพื้นที่
เวลานี้ทุกฝ่ายต่างแข็งขัน!! เอาจริง!! เอาจัง!! กับเรื่องการปราบปรามมิจฉาชีพออนไลน์ทุกวัน แต่!! ประชาชนคนไทยก็ยังตกเป็นเหยื่อ…เสียรู้…หมดเงินหมดทอง ให้คนเหล่านี้ตลอดเวลา
หลายรูปแบบ หลายวิธีการ หลายช่องทาง ที่ “เหยื่อ” ต้องตกหลุมดำ หลงเชื่อ โดยไม่รู้ตัว ไม่ต้องพูดถึงตาสี ตาสา ยายมี ยายมา ที่อาจไม่เข้าใจในโลกของเทคโนโลยี
เพราะแม้แต่คนที่มีความรู้ดี มีอาชีพการงานที่ดี ก็ยังหลงเชื่อ กลายเป็นเหยื่ออันโอชะ เพราะมีเงินจำนวนมาก ที่ยอมนำเงินมาต่อเงิน ด้วยซ้ำ!!
ทุกวันนี้… จึงได้เห็นการออกมาร้องเรียนของ “เหยื่อ” เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในรูปแบบการฉ้อโกงใหม่ ๆ ทั้งการโทรศัพท์ขู่บังคับให้นำทองคำไปขาย แล้วโอนเข้าบัญชีธนาคาร เพื่อนำเงินไปตรวจสอบว่าเป็นเงินที่ได้มาอย่างถูกต้อง
เคราะห์ดีที่เหยื่อไหวตัวทัน ขอความช่วยเหลือจากร้านทอง ด้วยการ “เขียน” ถามในกระดาษ แถมร้านทองยังช่วยถ่วงเวลา ไม่รับซื้อทอง สุดท้ายแก๊งมิจฉาชีพต้องล่าถอย ไปเอง
นอกจากนี้ยังมีกรณีที่อ้างขอ “ปิดซิมมือถือ” แล้วไปเปิดใหม่ เพื่อดูดเงินจากบัตรเครดิตออกไป ขนาดเจ้าของซิมตัวจริง โทรไปอายัดเบอร์ อายัดซิม แล้วแต่ค่ายมือถือยังอนุมัติให้
ลองคิดดู!! แล้วอย่างนี้ค่ายมือถือจะปฎิเสธความรับผิดชอบอีกต่อไปหรือเปล่า? หรือแม้แต่สถาบันการเงินเอง ควรต้องเข้ามารับผิดชอบด้วยหรือไม่?
หรือจะปล่อยให้คนไทยตาดำๆ ต้องมานั่งรับกรรม!! เองอีกหรือ?
การแก้ไขพ.ร.ก.ไซเบอร์ เพื่อกำหนดการร่วมรับผิดชอบ ของสถาบันการเงิน ของค่ายมือถือ ต้องออกมาบังคับใช้โดยเร็ว หรือจะปล่อยให้คนไทยต้องรับชะตากรรมโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ต่อไปอีก
แม้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พยายามทำทุกทาง ทั้งการเชิญมาหารือ มาร่วมกันถก มาร่วมกันกำชับให้ปกป้อง คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนอย่างเคร่งครัด มาโดยตลอด ไม่ใช่ว่าวัวหายแล้วล้อมคอกก็ตาม
สุดท้าย!! ปัญหาก็เกิดขึ้นอยู่ดี ที่สำคัญ… ยังทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกวัน ไม่เช่นนั้น คงไม่ลุกลามกลายเป็นปัญหาใหญ่โตเหมือนทุกวันนี้
อย่างที่บอกว่า ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลายเป็นปัญหาแห่งชาติ กลายเป็นวาระแห่งชาติ ที่ทุกฝ่าย ทุกหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ เอกชน หรือแม้แต่ประชาชนคนไทย เอง ต้องร่วมมือกันอย่างเข้มข้น เพื่อทำให้ปัญหานี้ลดน้อยลงไป หรือหมดไปให้ได้
ไม่ได้หมายความว่า จะเป็นเรื่องของฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง เท่านั้น แต่ทุกคนต้องร่วมกัน ไม่ใช่ปล่อยให้ประชาชนตาดำ ๆ ต้องมานั่งระแวดระวัง แต่ฝ่ายเดียว
ทั้งหลายทั้งปวง!! ก็ต้องมาดูกันว่า การประกาศกร้าวบนเวทีหาเสียงของคุณพ่อนายกฯ จะกลายเป็นจริงได้มากน้อยเพียงใด หากผลงานปรากฏให้เห็นเด่นชัด ก็เชื่อเถอะ โอกาสที่ “แพทองธาร” จะเป็นนายกรัฐมนตรี ต่ออีก 1 สมัย ก็ไม่ใช่ความฝัน!!
……………………………………….
คอลัมน์ : เศรษฐกิจจานร้อน
โดย “ช่อชมพู”