ค่าไฟฟ้าภาคครัวเรือน ในรอบเดือน ม.ค.-เม.ย. 66 (ยุครัฐบาลประยุทธ์) อยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วย มาถึงยุค “รัฐบาลเศรษฐา” ค่าไฟฟ้างวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 67 อยู่ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย เข้าสู่ยุค “รัฐบาลแพทองธาร” ค่าไฟงวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 68 อยู่ที่อัตรา 4.15 บาทต่อหน่วย

เมื่อวันที่ 5 ..68 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปช่วยปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงราย โดยบอกว่าบ้านเรามีเสือนอนกินอยู่ทุกวงการ ปีนี้ค่าไฟฟ้าจะต้องลงมาอยู่ที่เลข 3 ไม่ใช่เลข 4 ตนอยากให้เหลือ 3.50 บาท แต่คงได้แค่ 3.70 บาท กำลังให้เขาช่วยทุบอยู่ ปีนี้ค่าไฟลงแน่ เห็นตัวเลขแล้วทุบได้ ต่อไปค่าอาหารสัตว์ ค่าปุ๋ย ค่ายา ก็จะให้ลดลง

วันรุ่งขึ้น! ราคา 7 หุ้นโรงไฟฟ้าร่วงหนัก! โดยเฉพาะหุ้นบริษัทที่มีโรงไฟฟ้าขนาดกลางและเล็ก หรือ “SPP” หุ้นบางบริษัทราคาร่วงไปกว่า 8%

วันนี้จึงมีหลายคำถามพุ่งไปยัง น..แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และรมว.พลังงาน ว่าค่าไฟ 3.70 บาทต่อหน่วย จะมีจริงหรือไม่เมื่อไหร่? จะลดราคาโดยวิธีไหน ถึง 45 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ในเวลาอันรวดเร็ว

แต่ถ้าค่าไฟเหลือหน่วยละ 3.70 บาท จะช่วยลดต้นทุนในภาคการผลิต ช่วยลดภาระการใช้จ่ายของประชาชนได้มากเลยทีเดียว ที่สำคัญจะมีผลทำให้คะแนนนิยมต่อรัฐบาลกระเตื้องขึ้นไปด้วย

งานนี้จึงกลายเป็น “ค่าไฟทางการเมือง” เนื่องจากคนจุดประเด็นคืออดีตนายกฯ ที่มีลูกสาวเป็นนายกฯอยู่ในตอนนี้ พูดออกมาเป็นเรื่องราว เป็นความหวังให้กับประชาชนไปแล้ว เพราะค่าไฟไม่ได้ลดแค่ 5-10 สตางค์ต่อหน่วย แต่จะลดถึง 45 สตางค์ต่อหน่วย เลยทีเดียว

เรียกว่าเอาเรื่องการลดค่าไฟมาเป็นลูกตุ้มเหวี่ยงเรียกความนิยมของรัฐบาลแพทองธารให้พุ่งสูงขึ้นในปี 68 งานนี้จึงเดิมพันสูงกว่าการถูกฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจเสียอีก! เพราะถ้าทำไม่ได้นายทักษิณก็ยุ่ง! ส่วนรัฐบาลคงหูชา!

“พยัคฆ์น้อย” เชื่อว่า 1.นายทักษิณและนายพีระพันธุ์รู้โครงสร้างค่าไฟทั้งระบบ ว่ากลไกลดค่าไฟอยู่ตรงไหนบ้าง ใครเป็นพวกเสือนอนกิน อาจต้องเจรจาขอลดกำไร จะหาความสมดุลกับกลุ่มทุนอย่างไร

2.ปีนี้โรงไฟฟ้า SPP อีกจำนวนหนึ่งจะหมดสัญญาขายไฟแพง ๆ ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)

รวมไปถึงการลดค่าบริการสายส่งและจำหน่าย (วิลลิ่งชาร์จ) ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 1.20 บาท (กฟภ. 50 สตางค์กฟผ. 70 สตางค์) เพื่อสนับสนุนให้ผู้ผลิตไฟใช้เองทั้งภาคเอกชนและประชาชนทั่วไป นำไฟส่วนเกินในระบบประมาณ 30-40% ขายเข้าระบบ จะทำให้ลดวงเงินลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าได้จำนวนมาก

3.ยังไม่เปลี่ยนม้ากลางศึก! ไม่ปรับเปลี่ยนนายพีระพันธุ์ออกจากตำแหน่งรมว.พลังงาน แม้ว่าเจ้าของพรรครวมไทยสร้างชาติ จะทิ้งพรรคไปแล้วก็ตาม

นายพีระพันธุ์ติดดิสเบรกพวก “เจ้าสัว” ไปหลายเรื่องแล้ว! จึงต้องใช้บริการ “ทุบค่าไฟ” ด้วย!!.

……………………………………
พยัคฆ์น้อย

อ่านบทความทั้งหมดที่นี่…