คงปฏิเสธไม่ได้ว่าอุบัติเหตุรถหรู BMW พุ่งชน 3 แม่ลูก จนเสียชีวิตคาถนนสายเลี่ยงเมือง 4001 หมู่ 9 ต.ตากแดด อ.เมือง จ.ชุมพร เมื่อค่ำวันที่ 27 พ.ย.2567 เป็นข่าวที่สร้างความสลดให้กับสังคมเป็นวงกว้าง เพราะคู่กรณีขับรถยนต์หรู และพบว่ามีการใช้ความเร็วขณะเกิดเหตุถึง 207 กม./ชั่วโมง ทั้งๆที่ถนนที่เกิดเหตุเป็นถนนสายรอง ที่สำคัญ ตำรวจพบหลักฐาน ว่าก่อนเกิดเหตุมีการถ่ายคลิปขณะขับรถ เพื่อโชว์ความเร็ว แต่ด้วยความที่เป็นรถหรูทำให้หลายฝ่ายวิตกกังวลกันอยู่หลายวัน วิพากษ์วิจารณ์กันวงกว้างว่าผู้เสียหายอาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะคู่กรณีมีฐานะทางการเงิน
กระทั่งต่อมา พ.ต.อ.ปัญญา ท้วมศรี ผกก.สภ.เมืองชุมพร ได้ตอบคำถามสดทางโทรศัพท์ในรายการ “โหนกระแส” โดยพูดเสียงดังฟังชัดด้วยความมั่นใจว่า จะอำนวยความยุติธรรมให้กับคู่กรณีอย่างเต็มที่ แต่ต่อมาพบว่าผู้ก่อเหตุเบี้ยวนักเจรจากับผู้เสียหายหลายครั้ง จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อีกครั้ง กระทั่ง ล่าสุดคดีนี้พนักงานสอบ สภ.เมืองชุมพร ได้สรุปสำนวนมีความเห็นส่งฟ้องไปยังพนักงานอัยการจังหวัดชุมพร เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2568 ที่ผ่านมาแล้ว แสดงให้เห็นคำพูดที่ พ.ต.อ.ปัญญา เคยลั่นวาจาไว้ในรายการในครั้งนั้นว่าพูดจริงทำจริง
“ดาวประดับฟ้า” สัปดาห์นี้จึงขอพาไปทำความรู้จักกับ พ.ต.อ.ปัญญา ท้วมศรี ผกก.สภ.เมืองชุมพร อายุ 51 ปี มีชื่อเล่นว่า “ปั่น” หรือ “ท้วม” เกิดวันที่ 11 มี.ค. 2516 เป็นชาว จ.ชุมพร จบการศึกษาระดับประถม มัธยม จากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง ก่อนเข้าสู่โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 32 และเป็นนักเรียนนายร้อยโรงเรียนตำรวจ รุ่นที่ 48 รับราชการครั้งแรก ในตำแหน่ง รอง สว.(สอบสวน)สภ.หลังสวน จว.ชุมพร ปี พ.ศ.2538 และครองตำแหน่งพนักงานสอบสวนจนเลื่อนยศ สบ.3 จนถึงปี 2553 จึงย้ายไปรับตำแหน่ง รอง ผกก.สส.สภ.ท่าแซะ จว.ชุมพร ปี 2557 เป็น รอง ผกก.ป.สภ.ปากน้ำชุมพร จว.ชุมพร ปี 2563 ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผกก.ฝอ.ภ.จว.ชุมพร ก่อนได้รับการแต่งตั้ง เป็นหัวหน้าโรงพักสวี เมื่อ ก.พ.66 ได้เพียง 9 เดือน ก็ได้รับแต่งตั้ง ผกก.สภ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร จนถึงปัจจุบัน รวมอายุราชการ 33 ปี
เพื่อนร่วมรุ่น อาทิ พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรมัย ผบช.ปส. ,พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. ,พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยะสิริ รอง ผบช.ตชด
คติหรือวิสัยทัศน์ในการทำงาน “รู้หน้าที่ ทำหน้าที่ ผลการปฏิบัติมีมาตรฐาน ทำงานเชิงรุก เพื่อความสงบสุขของประชาชน”
ผู้กำกับท้วม ยังเปิดใจอีกว่า นับตั้งแต่เข้ารับราชการ ตั้งแต่ปี 2538 อยู่ในสายพนักงานสอบสวนมายาวนานถึง 15 ปี ในการทำสำนวนพบเห็นปัญหามากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับความยุติธรรม จึงมีความตั้งใจแน่วแน่ และบอกกับตัวเองมาตลอด ว่าในเมื่อเราเป็นตำรวจต้องทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้ประชาชนตามข้อเท็จจริงพยานหลักฐานทั้งหมดที่มี เพื่อทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นในการทำงานของตำรวจ อันจะเป็นการกู้ภาพลักษณ์ของวงการตำรวจให้เป็นที่พึ่งของประชาชน และป้องกันไม่ให้ประชาชนขาดความมั่นใจ