ทั้งนี้ เมื่อเร็ว ๆ นี้ “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ได้ร่วมลงพื้นที่ไปสังเกตการณ์การดำเนินการเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพคนไทยในระดับชุมชนท้องถิ่น ที่ จ.น่าน
ที่มี “บริการสาธารณสุขที่ครอบคลุม”
มีการดูแล “ป้องกัน–รักษาโรคเชิงรุก”
พื้นที่ดังกล่าวคือ ต.สะเนียน อ.เมืองน่าน จ.น่าน ซึ่ง นพ.วีระพันธ์ ลีธนะกุล รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และ นางสาวจินตนา สันถวเมตต์ รก.ผอ.สปสช.เขต 1 เชียงใหม่ ได้นำคณะลงพื้นที่เยี่ยมชมการดำเนินงาน กองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น (กปท.) อบต. สะเนียนโดยมี นายสว่าง เปรมประสิทธิ์ นายก อบต. และคณะ ต้อนรับและสรุปภาพรวม กปท. สะเนียน ที่ได้รางวัลการบริหารจัดการระดับดีเด่น สปสช.เขต 1 เชียงใหม่ ปี 2567 เป็น กปท. ที่บริหารจัดการงบประมาณมีประสิทธิภาพ เน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน พัฒนาบริการด้านสาธารณสุขที่ครอบคลุม

ทางนายก อบต. สะเนียน ระบุไว้ว่า… ในพื้นที่นี้มีความหลากหลายของคนไทยกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่ง กปท. สะเนียน ดูแลกลุ่มชาติพันธุ์ถึงร้อยละ 77.58 โดยการดำเนินการด้านสุขภาพนั้นได้ ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค รักษาพยาบาลเชิงรุก และฟื้นฟูสุขภาพคนในชุมชนทั้งนี้ กปท. สะเนียน มีการจัดทำโครงการเพื่อประชาชนในชุมชน โดยสนับสนุนงบประมาณ โครงการคัดกรองความผิดปกติทางสายตา และการแก้ไขปัญหาการมองเห็นไม่ชัดในกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่ง ณ วันที่คณะ สปสช. ลงพื้นที่ มีการดูแลประชาชนแล้ว 406 ราย โดยมีเคสสายตาผิดปกติต้องพบแพทย์ 10 ราย และมี โครงการสนับสนุนผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ดูแลประชาชน 19 ราย รวมทั้งสนับสนุนงบประมาณในการ ส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในกลุ่มชาติพันธุ์ ทั้งหมดจำนวน 32 โครงการ เป็นเงินจำนวน 451,761 บาท คิดเป็นร้อยละ 50.90
“ในพื้นที่สะเนียนมีความหลากหลายทางกลุ่มชาติพันธุ์ แม้จะเป็น อบต. ที่อยู่เขตอำเภอเมือง แต่มีกลุ่มชาติพันธุ์ถึง 8 กลุ่ม ซึ่งเราสามารถดูแลบริหารจัดการได้ทั้งกลุ่มคนไทยและกลุ่มชาติพันธุ์ ผลสำเร็จเกิดขึ้นได้เพราะการมีส่วนร่วม กรรมการกองทุน การรับรู้สถานการณ์สุขภาพ ความรู้สึกร่วมกันของคนในชุมชน ความรับผิดชอบการบริหารจัดการความสำเร็จของชุมชน วัฒนธรรมสุขภาพชุมชน ผสานภูมิปัญญาสุขภาพท้องถิ่น ผสานภารกิจความร่วมมือ จนเกิดเป็นข้อตกลงสุขภาพชุมชน การจัดการสุขภาพที่เหมาะสมกับชุมชน แม้ว่าพื้นที่จะห่างไกล และการสื่อสารมีปัญหาด้านภาษาชาติพันธุ์ รวมถึงวัฒนธรรมประเพณีที่มีความหลากหลาย แต่ก็สามารถจัดการได้ เหล่านี้จึงส่งผลให้กองทุนฯ อบต. สะเนียนได้รับรางวัลการบริหารจัดการระดับดีเด่นในปี 2567”…นายก อบต. สะเนียน ระบุ

นพ.วีระพันธ์ ลีธนะกุล
ด้าน นพ.วีระพันธ์ ลีธนะกุล รองเลขาธิการ สปสช. ระบุถึงการดำเนินงานของ กปท. สะเนียน ว่า… ขอชื่นชมการบริหารจัดการและการใช้งบประมาณอย่างโปร่งใสและทันเวลา ซึ่งได้รับรางวัลการบริการจัดการกองทุนสุขภาพตำบลดีเด่นของ สปสช.เขต 1 เชียงใหม่ แม้ว่าจะมีความหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์มากถึง 8 กลุ่ม ก็สามารถดำเนินการให้บริการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคในกลุ่มชาติพันธุ์ เน้นการดูแลคัดกรองโรคเบาหวาน ความดัน และยังจัดทำโครงการคัดกรองความผิดปกติสายตาและแก้ไขปัญหาการมองเห็นไม่ชัดในกลุ่มผู้สูงอายุ เป็นอีกหนึ่งโครงการที่ อบต. สะเนียน จัดสรรงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาผู้สูงอายุที่มีความผิดปกติทางสายตาให้ได้รับแว่นสายตา และ เข้าถึงบริการสาธารณสุขในระดับชุมชนได้ทั่วถึง
สำหรับโครงการผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับขับถ่าย ที่พื้นที่นี้ก็มีการดำเนินการ เป็น สิทธิหลักประกันสุขภาพ โดยใช้งบประมาณจาก กองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น ผู้ที่ได้ประโยชน์ ได้แก่ 1.บุคคลที่มีภาวะติดบ้านติดเตียง 2.บุคคลที่มีภาวะปัญหากั้นปัสสาวะอุจจาระไม่ได้ ตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ และการประเมินของหน่วยจัดบริการ โดยให้รับผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับขับถ่ายฟรีไม่เกิน 3 ชิ้นต่อวัน ผ่านกองทุนสุขภาพตำบล หรือกองทุน กปท. ตามการประเมินตามแผนการดูแลรายบุคคล (Care Plan) โครงการนี้ช่วยผู้มีปัญหากลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระไม่ได้ ตาม สิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติซึ่งเป็นสิทธิที่ที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2565
ทั้งนี้ นางนิภาพร พอใจ ผอ. รพ.สต.บ้านน้ำโค้ง ต.สะเนียน ได้ร่วมเปิดเผยข้อมูลไว้ บางช่วงบางตอนมีว่า… ทาง อบต. และ รพ.สต. มีการดำเนินการออกตรวจคัดกรองโรค NCDs เช่น เจาะเลือดตรวจเบาหวาน วัดความดัน ทุกปี ในกลุ่มชาติพันธุ์มลาบริ ซึ่งมีประมาณ 90 คน โดยในปี 2566 จากการคัดกรองพบกลุ่มเสี่ยง 3 ราย และได้นำเข้ากลุ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่งในปี 2567 การตรวจคัดกรองไม่พบกลุ่มเสี่ยง ขณะที่ นายบุญทิพย์ ดอยศักดิ์ หัวหน้ากลุ่มชาติพันธุ์มลาบริ บ้านห้วยลู่ ต.สะเนียน ระบุว่า… ชาวบ้านดีใจที่ รพ.สต.บ้านน้ำโค้ง มาดูแลตรวจสุขภาพคัดกรองโรคในชุมชน ซึ่งชุมชนมี อสม. 2 คน ช่วยดูแลในพื้นที่และประสานกับ รพ.สต. ในการดูแลชาวบ้าน… “ในชุมชนตอนนี้ไม่มีปัญหาทางด้านสุขภาพมากนัก เพราะเมื่อ รพ.สต. และ อบต. มาให้ความรู้ ลดหวานมันเค็ม สุขภาพคนในชุมชนก็ดีขึ้น” …หน.กลุ่มชาติพันธุ์มลาบริห้วยลู่ระบุ
นี่ก็เป็นตัวอย่าง “เชิงรุกสุขภาพชุมชน”
กลไก “หลักประกันสุขภาพท้องถิ่น”…
ตาม “หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ”.
ทีมสกู๊ปเดลินิวส์