ผมเห็นใจนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กรณีซื้อเรือดำน้ำจีน 1 ลำ มูลค่า 1.35 หมื่นล้านบาท ที่อนุมัติเมื่อเดือน เม.ย. 60 ในยุคพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็น รมว.กลาโหม
จากเดิมกำหนดส่งมอบเรือดำน้ำช่วงกลางปี 66 แต่ติดปัญหาโควิด-19 ระบาด จึงเลื่อนมาเป็นกลางปี 67 แต่ติดปัญหาเยอรมนีไม่ขายเครื่องยนต์เรือดำน้ำพลังงานดีเซลให้จีน เพื่อมาติดตั้งในเรือดำน้ำที่ไทยสั่งซื้อ
ปี 67 ผ่านไป แต่ยังไม่มีวี่แววว่าไทยจะได้เรือดำน้ำหรือไม่? นายภูมิธรรมจะแก้ปัญหาอย่างไร 1.ยกเลิกสัญญา ขอเงินที่จ่ายไปแล้ว 8,000 ล้านบาทคืนมา 2.ขอร้องเยอรมนีให้ช่วยขายเครื่องยนต์เรือดำน้ำให้กับไทย และ 3.เดินหน้าต่อไป โดยยอมเปลี่ยนแปลงมาใช้เครื่องยนต์ของจีน
วันก่อนนายภูมิธรรมบอกว่าเรื่องนี้ตัวเขาเอง เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง แต่พอมาอยู่ตรงนี้ก็ต้องแก้ปัญหา เพราะหากมีผลเสียเกิดขึ้นมา คนที่รับผิดชอบเต็ม ๆ คนแรกคือผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) และคนรับผิดชอบสุดท้ายคือตน ดังนั้นต้องขอให้ศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ให้ชัด
จึงเชิญทูตทหารของเยอรมนีมาคุย ว่าถ้าไม่ขายเครื่องยนต์ให้จีน ขายให้ไทยได้หรือไม่ แล้วเราไปหาคนติดตั้งเครื่องยนต์เอง ไม่ต้องให้จีนติดตั้ง เพื่อให้ได้ของที่ตรงสเปกมากขึ้น โดยเรื่องนี้นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เคยพูดคุยกันไว้บ้างแล้ว ทางทูตเยอรมนีก็แจ้งว่ายังไม่เคยไปพูดคุยกันในเรื่องนี้กับทางเยอรมนี แต่รับปากว่าจะไปพูดคุยให้
โดยที่ผ่านมา มีผู้ต่อต้านการซื้อว่าเรือลำนี้ไม่เคยลงน้ำเลย อาจทำให้มีความกลัวที่จะเสียชีวิตในการลงเรือดำน้ำ แต่เรือดำน้ำรุ่นนี้ทางจีนได้ขายและใช้เครื่องยนต์เดียวกับที่จีนเสนอให้ไทย ขายให้ปากีสถาน 8 ลำ จึงได้คุยกับเอกอัครราชทูตปากีสถานประจำประเทศไทย ขอให้นำเรือดำน้ำรุ่นนี้ลงดำน้ำเร็ว ๆ แล้วประเมินผลด้วยหลักสากล และขอให้ตนรับรู้ด้วยได้หรือไม่
ถ้าลงน้ำและใช้ไป 3-4 เดือน เรือดำน้ำรุ่นนี้ไม่มีปัญหา จะสามารถตอบได้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ถึงแม้จะเป็น “สาระสำคัญ” ของสัญญา แต่สามารถทดแทนได้ และมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน ก็ลงนามได้
“พยัคฆ์น้อย” หรือแม้แต่ใครต่อใคร ต่างตั้งข้อสงสัยตั้งแต่แรกว่า ทำไม? ต้องเป็นเรือดำน้ำจากจีน ที่ยังไม่เคยต่อเรือดำน้ำขาย ยังไม่เคยต่อเรือดำน้ำสำหรับใช้งานเอง
กลับกัน! ถ้านายภูมิธรรมเป็น รมว.กลาโหมช่วงนั้น (เม.ย. 60) ต้องการซื้อเรือดำน้ำ 1 ลำ “หัวกะไดคงไม่แห้ง” ทั้งฝรั่งเศส-เยอรมนี-สวีเดน-เกาหลีใต้ ต้องวิ่งมาแข่งกันเสนอราคา+ออปชันอีกเพียบ อย่างแน่นอน
ปีที่แล้ว กองทัพอากาศอยากได้เครื่องบินรบ ก็รีบมานำเสนอทั้งสวีเดน (กริพเพน) และสหรัฐอเมริกา (เอฟ16)
ปีใหม่ 2568 ใครจะปลุกม็อบลงถนน กวักมือเรียก “รัฐประหาร” นำพาบ้านเมืองให้ถดถอย! ขอให้ดูกรณี “เรือดำน้ำ” และรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ที่ไม่มีตัวเลือกอื่น จึงแพง แถมล่าช้า! 7 ปี เพิ่งก่อสร้างกระดืบไปแค่ 38%
จนป่านนี้ ยังมีบางคนไม่สำนึกที่ทำให้บ้านเมืองปั่นป่วนเสียหาย เพราะม็อบ-ล้มเลือกตั้ง-รัฐประหาร เลยครับท่านอดีตนายกฯ ชวน หลีกภัย.
………………………………………………
พยัคฆ์น้อย