ข้อความข้างต้นนี้เป็นบางช่วงบางตอนจากที่ ดร.นฤพนธ์ ด้วงวิเศษ ผู้จัดการ ฝ่ายวิจัยและส่งเสริมวิชาการ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร ระบุไว้ในบทความ “กระจกสังคมประเทศไทย ปี 2567” ซึ่งทางศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธรได้มีการเผยแพร่ไว้ผ่านทาง www.sac.or.th ที่เป็นการ “วิเคราะห์เกี่ยวกับกระแสดังต่าง ๆ” ในปีนี้…

กับ “เหตุการณ์สถานการณ์ที่เกิดขึ้น”

ล้วนเป็นการ “สะท้อนภาพสังคมไทย”

ทั้งนี้ จาก “ปรากฏการณ์” ที่ทาง ดร.นฤพนธ์ ได้มีการระบุไว้ข้างต้น มีการเปรียบเทียบว่า… เป็น 1 ในกระจก 5 บาน ที่สะท้อนภาพสังคมไทยในปี 2567 โดยเป็นภาพตัวแทน “วงจรความศรัทธาที่ล่อแหลม”ที่นำสู่การตั้งคำถาม… “ความศรัทธาแบบไหนที่เรายอมรับได้และยอมรับไม่ได้??” ซึ่งประเด็นนี้นักวิจัยศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร ปิยนันท์ จินา ก็ได้ให้ความสนใจศึกษา ได้มีการวิเคราะห์ปรากฏการณ์ดังกล่าว โดยได้สะท้อนไว้ผ่านบทความชื่อ “เมื่อเทพระบาด : ลัทธิ ความเชื่อ และร่างทรง ในยุคดิจิทัล”ซึ่งทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ได้นำข้อมูลมาสะท้อนต่อ ณ ที่นี้ในวันนี้…

ทาง ปิยนันท์ ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า… ปรากฏการณ์ร่างทรง องค์เทพ และความเชื่อเหนือธรรมชาติผุดขึ้นราวกับดอกเห็ดในสังคมไทย โดยเฉพาะเมื่อโซเชียลมีเดียแพร่หลาย…ก็ยิ่งทำให้คนไทยได้พบเจอกับ “ผู้วิเศษในรูปแบบของการเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์”เพิ่มขึ้นอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่มีจุดเด่นในการมีจิตวิทยาหว่านล้อม และเป็นนักเล่าเรื่อง ที่สามารถ “ทัชใจผู้คนร่วมสมัย” ได้อย่างดี ทั้งยังสามารถให้คำอธิบาย หรือคำตอบที่ชัดเจนและเรียบง่าย ให้ผู้ติดตามด้วย

นี่เป็น “จุดเด่น” ของ “ผู้วิเศษยุคดิจิทัล”

นักวิจัยคนเดิมยังสะท้อนไว้ถึงปรากฏการณ์ที่ก็พบได้มากในเวลานี้…อย่าง “ทริปสายบุญ” รวมถึง “แก้กรรมคลื่นพลังบุญ” ซึ่งเป็นกระแสร้อนในสังคมไทยช่วงหนึ่ง โดยเป็นที่น่าสนใจว่า… นอกจากจะ “มีศัพท์แสงบุญบารมีใหม่ ๆ”เกิดขึ้นแล้ว ก็ยังพบจุดเด่นอื่น ๆอาทิ เรื่องการ “ผสานศัพท์” และการ “สร้างอุปลักษณ์สมัยใหม่” อีกด้วย เช่น การต่อเชื่อมจิต คล้ายกับสัญญาณอินเทอร์เน็ต หรือ การแผ่คลื่นพลังงานเพื่อช่วยเสริมบุญบารมีให้กรรมตามไม่ทัน ประหนึ่งเป็นการเพิ่มความเร็วอินเทอร์เน็ต หรือแม้แต่เรื่อง ตาทิพย์ หูทิพย์ …นี่เป็นกรณีตัวอย่างที่มีการศึกษาวิเคราะห์เชิงปรากฏการณ์

อย่างไรก็ดี ใน “มุมนักมานุษยวิทยา” ไม่ได้สนใจว่า…เรื่องเหล่านี้มีจริงหรือไม่? แต่สนใจ “ปรากฏการณ์ทางสังคมร่วมสมัย” มากกว่า โดยปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น สะท้อนว่า… คนไทยยุคใหม่” ไม่เพียงแค่ต้องเผชิญกับความสับสนทางจิตใจเท่านั้น แต่จำนวนไม่น้อยยัง “มีความรู้สึกไม่มั่นคงในชีวิต”จากการขาดหลักยึดทางเศรษฐกิจ รวมถึงขาดที่พึ่งทางใจ จนนำสู่คำถามว่า…ความไม่มั่นคงของชีวิตเหล่านี้สามารถสะท้อนโครงสร้างทางสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม ได้อย่างไร?

การผสมผสานความเชื่อเหล่านี้ ช่วยสะท้อนให้เห็นถึงภาพของคนไทยยุคใหม่ที่กำลังต่อสู้ดิ้นรนกับความไร้ระเบียบ ความระส่ำระสาย และความผันผวนทางเศรษฐกิจ ภายใต้ระบบทุนนิยมแบบเสรีนิยมใหม่ ที่ความเชื่อหลักหรือคำอธิบายแบบวิทยาศาสตร์ที่เคยมีนั้นไม่อาจให้คำตอบที่สมเหตุสมผลสำหรับคนรุ่นใหม่ หรือคนบางกลุ่ม ได้อีกต่อไป ทำให้คนเหล่านี้ต้องแสวงหาทางเลือกอื่น ๆ ที่ไม่ได้อิงกับหลักเหตุผลนัก”เป็นการอธิบายถึงเรื่องนี้

ปรากฏการณ์อึ้ง” ที่ “ผุดราวดอกเห็ด”

ทั้งนี้ ทางนักวิจัยยังได้ฉายภาพจากการวิเคราะห์ปรากฏการณ์นี้เอาไว้เพิ่มเติมอีกว่า… สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ อาจทำให้พอเห็นภาพของสังคมไทยในเวลานี้ได้ว่า… ในสังคมแห่งความสำเร็จ ที่มีการแสวงหาความสุข ซึ่งมักมาจากการบริโภคสินค้าและบริการเป็นภาคบังคับ มนุษย์ก็อาจ มีปัญหาเกี่ยวกับการจัดการความทุกข์ของตัวเองได้น้อยลง โดยเฉพาะผู้ที่ล้มเหลวบ่อย ๆ หรือ “ยังไปไม่ถึงฝั่งฝันเสียที” ซึ่งเรื่องนี้ก็อาจเป็นอีกหนึ่ง ตัวกระตุ้น”ทำให้ “เกิดผู้วิเศษรูปแบบใหม่ ๆ”

ผู้วิเศษยุคใหม่เหล่านี้เกิดขึ้นโดยมีหน้าที่สำคัญ อาทิ ช่วยให้คำปรึกษา ทั้งการงาน ความรัก สุขภาพ ทำนายดวง หรือแม้แต่ช่วยเปลี่ยนสภาวะไร้ระเบียบให้กลายเป็นคำตอบที่มีระบบ รวมถึงการช่วยเติมเต็มความรู้สึกให้ผู้คนที่มักขาดพร่องเรื่องนี้ภายใต้การใช้ชีวิตในโลกทุนนิยมแบบเสรีนิยมใหม่” …นี่เป็น “บทบาทผู้วิเศษยุคใหม่”

ทาง ปิยนันท์ จินา ระบุไว้ด้วยว่า… นอกจากหน้าที่ข้างต้นแล้ว “ผู้วิเศษยุคใหม่”ยังมีบทบาทกับชีวิตผู้คนยุคใหม่เพิ่มมากขึ้น อย่าง ช่วยเสนอหนทางหลบหนีจากชีวิตประจำวันที่น่าเบื่อ เช่น มนุษย์เงินเดือนที่มีกิจวัตรชีวิตประจำวันซ้ำซาก เป็นต้น และ “ปรากฏการณ์เทพระบาด” นี่ก็เป็น “กระจกสะท้อนภาพสังคมไทย ปี 2567” ว่า… คนไทยต้องการเชื่อมโยงชีวิตตัวเองเข้ากับมิติอื่น ๆ เช่น สิ่งเหนือธรรมชาติ เพื่อที่จะหาคำตอบ หรือคำอธิบายในเรื่องต่าง ๆ ให้กับตัวเอง

นี่คือลึก ๆ “ปรากฏการณ์เทพระบาด”

กับ “ปัจจัยก่อเกิดผู้วิเศษรายใหม่ ๆ”

เพ่งดี ๆ “สะท้อนสังคมไทยยุคนี้??”.

ทีมสกู๊ปเดลินิวส์