กำลังนับถอยหลังใกล้จะหมดปีมังกร 2567 แต่ปัญหาภัยร้ายอาชญากรรมออนไลน์ ไม่ได้ลดหายไปจากสังคมไทย ยังมีประชาชนทุกสาขาอาชีพไม่ว่ายากดีมีจน คงตกเป็นเหยื่อรายวันโดยเฉพาะ เหยื่อ ’แก๊งคอลเซ็นเตอร์“
รัฐบาลแพทองธาร ซึ่งมี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ เป็น รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ไม่ได้นิ่งนอนใจพยายายามเร่งรัดปราบปรามการหลอกลวงอย่างต่อเนื่อง ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, สมาคมธนาคารไทย, สมาคมโทรคมนาคม ฯลฯ ตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านอาชญากรรมออนไลน์ (Anti Online Scam Operation Center) หรือ ศูนย์ AOC 1441 ให้บริการคำปรึกษา รับแจ้งความ พร้อมระงับบัญชีได้ 24 ชม.
ผลการดำเนินงานของ “ศูนย์ AOC 1441” (ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 66–20 ก.ย. 67) มีสายโทรเข้า 1441 จำนวน 1,037,701 สาย/เฉลี่ยต่อวัน 3,193 สาย, ดำเนินการระงับบัญชีธนาคาร 311,819 บัญชี/เฉลี่ยต่อวัน 1,102 บัญชี (คดีสูงสุด 5 ประเภท 1.หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ 2.หลอกลวงหารายได้พิเศษ 3.หลอกลวงลงทุน 4.หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล และ 5.หลอกลวงให้กู้เงิน)
การจับกุมมิจฉาชีพออนไลน์ที่ก่อคดี ของหน่วยงานพันธมิตร อาทิ ตำรวจ, ปปง., ดีเอสไอ, กสทช., ก.ล.ต., ธนาคารแห่งประเทศไทย, สมาคมธนาคารไทย, กรมประชาสัมพันธ์, สกมช. และสมาคมโทรคมนาคมฯ ร่วมมือกันทำงาน สามารถยึดของกลาง เงินสด และทรัพย์สินอื่น ๆ ได้กว่า 10,000 ล้านบาท แต่กระบวนการสำคัญคือการป้องกันและสร้างความเชื่อมั่นด้านการใช้งานดิจิทัลให้กับประชาชน ในยุคสมัยเทคโนโลยีก้าวล้ำตลอดเวลา
อาชญากรออนไลน์ ปรับตัวตลอดเช่นกัน จนกลายเป็น ภัยใกล้ตัว ของทุกคน ที่สำคัญกลายเป็นปัญหาใหญ่ของหลายประเทศ พยายามยกระดับหามาตรการมาแก้ปัญหา “รัฐบาลสิงคโปร์” ลุยยกระดับออกแนวทางปฏิบัติว่าด้วยการให้สถาบันการเงิน และผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคม “ต้องร่วมกันแสดงความรับผิดชอบ” หากลูกค้าตกเป็นเหยื่อได้รับความเสียหายจากการหลอกลวง โดย แก๊งอาชญากรรมออนไลน์ หรือ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.67
เป้าหมายนอกจากช่วยประชาชนแล้ว ยังต้องการกระตุ้นเตือนให้ สถาบันการเงิน และ บริษัทโทรคมนาคม เพิ่มความเข้มงวดตรวจตราและดูแลความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่เงินในบัญชีของลูกค้า ’หายไปอย่างน่าสงสัย?“ หากเกิดเหตุที่ เงินจำนวนมาก หรือบัญชีซึ่งมีเงินฝากอย่างน้อย 5 หมื่นดอลลาร์สิงคโปร์ (1.71 ล้านบาท) ถูกโอนเงินออกไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง ภายในระยะเวลา 24 ชม. ต้องเร่งส่งข้อความผ่านทางเครือข่ายมือถือของลูกค้าเพื่อแจ้งความผิดปกติ และธนาคารต้องระงับการทำธุรกรรมทันที จนกว่าจะติดต่อลูกค้าได้
รัฐบาลสิงคโปร์ เข้าใจความเดือดร้อนไม่ได้ผลักความรับผิดชอบไปยังผู้บริโภคที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างเดียว เพราะบางคนกว่าจะเก็บหอมรอมริบมาได้ทั้งชีวิตเลือดตาแทบกระเด็นจึงพยายามงัดมาตรการปิดช่องโหว่เรื่องนี้
ขณะที่ รัฐบาลแพทองธาร และ กระทรวงดีอี แม้เร่งยกระดับแก้กฎหมาย เพื่อช่วยผู้เสียหายและป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีดำเนินการ ยกร่างพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ฉบับที่ 2 แต่ตอนนี้ก็ไม่รู้ไปถึงไหนแล้ว? เพราะชาวบ้านยังตกเป็นเหยื่อทุก ๆ วัน
นายกฯ อิ๊งค์-แพทองธาร ชินวัตร เพิ่งแถลงนโยบาย ปี 2568 โอกาสไทยทำได้จริง อย่าลืมเหลียวมองเพื่อนบ้านแก้ปัญหามิจฉาชีพออนไลน์กันเช่นไร? ยุคสมัยนี้เป็น “ภัยใกล้ตัว” ของประชาชนที่ห้ามมองข้ามเด็ดขาด!!.
………………………………………
เชิงผา