ถือว่าเป็นปีมังกรทองที่มีเรื่องราวเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย สำหรับวงการบันเทิงเลยทีเดียว และเป็นปีทองของคนบันเทิงหลายๆ คน อีกทั้งยังมีซุป’ตาร์เกิดขึ้นให้กับวงการบันเทิงไทยมากมาย ดาราหลายคนประกาศเปิดตัวคู่รัก แต่งงาน มีลูกกันสนั่น แน่นอนว่านอกจากเรื่องราวดีๆ ก็ต้องมีข่าวดราม่าฮือฮาสะเทือนทั้งวงการเช่นกัน วันนี้ “บันเทิงเดลินิวส์” ขอรวบรวมเรื่องราวฉาวสุดแซ่บตั้งแต่ต้นยันท้ายปี บอกเลยว่าสายเผือกเรื่องราวของคนบันเทิงนี่แทบไม่ต้องพัก เพราะเริ่มต้นปีก็ฟาดเรื่องแซ่บกันที่เรื่องนี้เเลย
‘โยเกิร์ต ณัฐฐชาช์’ สบั่นรัก ‘พีเค ปิยะวัฒน์’ จับมือจบความสัมพันธ์ เกิดมีมยิ้มมุมปากแบบสาวสตรอง!
เรียกได้ว่าเป็นประเด็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ขึ้นมาทันที หลังเพจดังออกมาปล่อยข่าวลือสนั่นว่า พิธีกรชายรายการดัง ขอเมียตรงๆ ว่า อยากมีโลก 2 ใบ ทำเอาเมียเศร้ารับไม่ได้ จนสุดท้ายหวยมาตกที่คู่ของ “พีเค ปิยะวัฒน์” กับ “โยเกิร์ต ณัฐฐชาช์” ก่อนที่สุดท้าย พีเค และ โยเกิร์ต จะออกมาเปิดใจว่าได้มีการจดทะเบียนหย่าเรียบร้อยแล้ว ในช่วงเดือน มี.ค. พร้อมกับร่ำไห้ ตอนนี้จบกันด้วยดี เปลี่ยนสถานะเป็นพี่น้องกัน

โดยพีเค ยืนยันว่าข่าวลื่อเรื่องขอมีโลก 2 ใบ และแอบคบกับนางแบบดังชาวเวียดนามไม่ใช่เรื่องจริง พร้อมบอกว่า 12 ปี รักโยเสมอ ถ้ามีโอกาสอยากจะกลับมาอยู่ด้วยกัน ทุกวันนี้ยังดูแลโยต่อ อยู่บ้านอย่างดี ส่วนโยเกิร์ต ก็ยอมรับว่ามีปัญหากัน แต่ตอนนี้ อยากพูดตรงนี้ เรื่องนี้ทีเดียว ไม่พูดที่ไหนอีก ส่วนตัวยังหวังดีกับเขาเสมอ ยังทำงานด้วยกันได้ โดยหลังจากประกาศแยกทางด้านพีเค เจอมรสุมเข้ามาอย่างมากมาย ทั้งรักพังแถมงานหด จนเจ้าตัวถึงกับหายหน้าไปจากวงการระยะหนึ่ง กระทั่งกลับมายิ้มได้อีกครั้ง หลังได้สาว “มิเรียน-สุเดชา อัคเซลการ์ด” เข้ามาเยียวยาหัวใจให้กลับมาแข็งแรงและลุยงานได้อีกครั้ง
ส่วนสาว “โยเกิร์ต” กลับมาลุยงานในวงการที่เธอรักอย่างเต็มที่ โดยโยเกิร์ตยังไม่หมดศรัทธาในรักแท้ เผยว่าอยากมีลูกและได้เข้าฝากไข่เป็นที่เรียบร้อย เพื่อรอคอยคนที่จะเข้ามาเต็มเติมชีวิตของเธอให้สมบูรณ์ยิ่งกว่าเดิม ท่ามกลางเสียงเชียร์และกำลังจากแฟนๆ ที่มอบให้โยเกิร์ต โดยหวังว่าเธอจะได้พบเจอกับความรักที่คู่ควรกับตัวเธอในไม่ช้า

รักนี้โนรีเทิร์น ‘เป้ย ปานวาด’ เลิก ‘ป๊อป นิธิ’ เหลือเพียงแค่หน้าที่พ่อ-แม่ ลั่น โสดแล้วโคตรฮอต!
เป็นกระแสร้อนแรงขึ้นอีกหนหลังเพจดังในเฟซบุ๊ก ตาดีเห็นว่าของคู่รักสุดฮอต “เป้ย ปานวาด” และสามีหนุ่ม “ป๊อป-นิธิ บุญยรัตกลิน” อันฟอลโลว์อินสตาแกรม ทำเอาชาวเน็ตต่างสงสัยกันอย่างมากมายว่าเกิดอะไรขึ้นกับความรักของทั้งคู่ จนสาวเป้ยได้ออกมายอมรับว่ามีปัญหากับสามี และได้บล็อกอินสตาแกรม ต่อมาเป้ยได้ออกมาประกาศชัดเจนถึงว่าจบความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาระหว่างป๊อป นิธิ เหลือเพียงแค่หน้าที่พ่อแม่ที่ทั้งคู่ยังคงทำร่วมกัน ซึ่งดูเหมือนว่าการเลิกราของทั้งคู่จะจบกันลงด้วยดี เพราะสาวเป้ยได้ออกมาเปิดใจว่า เธอมีความสุขดีแฮปปี้กันการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว แถมหลังจากโสด ก็เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองฮอตหนักมาก ทำเอาแฟนๆ โล่งอกหายห่วง แต่ก็ยังแอบลุ้นให้คุณแม่สุดสตรองมีคนเข้ามาดูแลหัวใจอีกครั้ง


สิ้นเส้นทางรัก 27 ปีไม่เหลือชิ้นดี ‘หนุ่ม กะลา’ ฟ้อง ‘จูน เพ็ญชุลี’ ยักยอกเงิน 66 ล้าน!
เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่กลายเป็นกรณีศึกษาของคู่ชีวิตอย่างมากมายเลยทีเดียว สำหรับ “หนุ่ม กะลา” ที่ได้ออกมาฟ้อง “จูน เพ็ญชุลี” อดีตภรรยา ข้อหายักยอกทรัพย์ 66 ล้านบาท ก่อนจูนจะออกมาชี้แจง และยืนยันว่ามีหลักฐานตรวจสอบได้ ด้าน หนุ่ม กะลา ได้ออกมาบอกว่า ที่ตนฟ้องไม่ต้องการเงินทั้งหมดคืน เพียงแต่อยากให้จูนช่วยปิดหนี้ 20 ล้าน และถ้าเป็นไปได้ ขอเงินติดตัว 5 ล้าน จนเกิดกระแสถกเถียงกันบนโซเชียล และรอคอยบทสรุปของเรื่องราวนี้กันอย่างมากมาย สุดท้ายบทสรุปของเรื่องนี้ หนุ่ม กะลา ถอนฟ้องและหย่ากับ จูน เพ็ญชุลี ถือว่าทั้งคู่หาทางออกร่วมกันได้ลงตัวที่สุด และยังคงทำหน้าที่พ่อแม่ที่ดีดูแลลูกสาวร่วมกัน


‘แม่หมู’ ไม่เหงาอีกต่อไป หลัง ‘นาย-ใบเฟิร์น’ ประกาศสิ้นสุดทางแฟน!
เรื่องนี้ทำเอาโฮหนักกันทั้งประเทศ สำหรับ “นาย-ณภัทร เสียงสมบุญ” และนางเอกดัง “ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์” ที่ขยับความสัมพันธ์จากเฟรนด์โซนมาเป็นแฟนโซน ท่ามกลางกองเชียร์คือแฟนๆ ทั้งประเทศ เพราะรักในความน่ารักของทั้งคู่ พอคบกันเลยทำให้แฟนๆ ฟินหนักมาก แต่หลังจากสาวใบเฟิร์นกับหนุ่มนาย ไปเดทสวีทหวานที่ต่างประเทศ สาดโมเมนต์ฟินลงโซเชียลรัวๆนั้น “แม่หมู พิมพ์ผกา” แม่ของหนุ่มนาย ได้ออกมาโพสต์ข้อความเหงา ทำเอาคนโยงว่าแม่ไม่พอใจรักครั้งนี้แล้ว และเหมือนหลายคนคิดต่อไปในทิศทางที่ว่า แม่ไม่ชอบที่ทั้งสองคนทิ้งอยู่คนเดียว ทำให้รักนี้อาจจะมีปัญหา จนเกิดข่าวลือต่างๆ ออกมาถึงความสัมพันธ์ระหว่างนายกับสาวใบเฟิร์น และมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากแฟนๆ และชาวเน็ตกันหลากหลายแง่มุม ถึงความรักของที่คนสองคน ที่มีตัวแปรอื่นเข้ามาในความสัมพันธ์ บางรายถึงขั้นเข้าไปคอมเมนต์ด้วยถ้อยคำรุนแรงในโซเชียลของแม่หมู จนเจ้าตัวทนไม่ไหว ลั่นออกมาว่าจะฟ้อง

ในท้ายที่สุดงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา หลังมีข่าวลือออกมาอย่างมากมาย นาย ณภัทร ได้ออกมาแถลงว่า ลดสถานะกับสาวใบเฟิร์น กลับมาเป็นพื่อนที่ดีต่อกัน ขณะสัมภาษณ์ นาย ณภัทร มีสีหน้าคล้ายกลั้นน้ำตาอยู่ตลอดเวลา จนหลังจากจบสัมภาษณ์ น้ำตาของลูกผู้ชายที่กลั่นไว้จากความเสียใจก็พรั่งพรูออกมา ทำเอาแฟนๆ ทั้งประเทศที่รอคอยคำตอบและหวังว่าข่าวลือจะไม่ใช่เรื่องจริง พากันร้องไห้ตาม และเห็นใจพร้อมทั้งยอมรับการตัดสินใจของทั้งคู่ โดยยังหวังเสมอว่าทั้งสองคนจะยังคงกลับมาอยู่ในวงโคจรชีวิตของกันและกันได้อีกครั้ง


มหากาพย์บอสดัง ‘กันต์-แซม-มิน’ เอี่ยวแชร์ลูกโซ่ ทะลวงไส้สะเทือนธุรกิจสะเทือนทุกวงการ
เรียกได้ว่าเรื่องนี้เอาสะเทือนกันไปทั่วทั้งวงการบันเทิงเลยทีเดียว หลังตำรวจได้ออกหมายจับระดับบิ๊กบอสรวม 18 รายแล้ว สำหรับกรณีของ “ดิไอคอนกรุ๊ป” โดยหนึ่งในนั้นได้ปรากฏชื่อของ 3 ดารา และพิธีกรดังของประเทศอย่าง “กันต์ กันตถาวร”, “มิน พีชญา” และ “แซม ยุรนันท์”
โดย “แซม ยุรนันท์” ได้ออกมาชี้แจงเป็นคนแรก หลังเกิดกระแสกดราม่าว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือเป็นฝ่ายบริหารของบริษัทนี้ มีหน้าที่เป็นแค่พรีเซ็นเตอร์เท่านั้น

คนต่อมาคือ “กันต์ กันตถาวร” ได้ตั้งโต๊ะแถลงกับสื่อมวลชนว่า คำว่าบอสที่เรียกกันคือเป็นการให้เกียรติกันในบริษัท ไม่ใช่ผู้ถือหุ้น ไม่ใช่พนักงาน พ่อทีม ผู้บริหารในบริษัท และไม่มีอำนาจ หรือหุ้นส่วนใดๆ ส่วนที่นำเสนอออกไป จริงๆ มีสคริปต์จากบริษัทเป็นคนส่งสรุปมาให้ และตอนนี้มีการยุติสัญญาและเข้าสู่กระบวนการ

สุดท้าย คือ “มิน พีชญา” เธอชี้แจงที่มาของคำว่าบอสว่า เป็นคำที่เขาเรียกกันเอง เพื่อให้เกียรติ ในส่วนที่บริหารจัดการพีอาร์ได้ค่าตัวเท่ากับพรีเซ็นเตอร์ มีสัญญาชัดเจน หน้าที่พรีเซ็นต์โปรดักต์ คือพรีเซ็นเตอร์ ที่คนพูดว่าได้เงินจากดิไอคอนร้อยล้าน ไม่จริง ตนมีทางเลือกมีอสังหาริมทรัพย์ จะทำธุรกิจสีเทาไปเพื่ออะไร

ภายหลัง กันต์ กันตถาวร, แซม ยุรนันท์ และมิน พีชญา ถูกตำรวจจับกุมตามหมายจับ ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จฯ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งขณะนี้ทั้ง กันต์และแซม ถูกคุมขังคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ส่วน มิน พีชญา ถูกคุมขังยังทัณฑสถานหญิงกลาง เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นใหญ่ลากไส้ทุกวงการ ตั้งแต่รากหญ้า สั่นสะเทือนการรับงานของนักแสดงดาราในวงการ ลามไปถึงระดับนักการเมืองที่มีส่วนเอี่ยว เอาเป็นว่าเรื่องนี้ยังไม่จบยังไงต้องรอติดตามกันต่อไป

‘ฟิล์ม รัฐภูมิ’ อ้าง ‘หนุ่ม กรรชัย’ กรรโชกรีดทรัพย์บอสดัง 20 ล้าน
อีกหนึ่งประเด็นดังที่ลากยาวมาจากปมร้อนแรงอย่าง ดิไอคอนกรุ๊ป สำหรับกรณีคลิปเสียงของ “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ที่ได้มีการนำชื่อพิธีกรดังอย่าง “หนุ่ม กรรชัย” มาแอบอ้างเพื่อเรียกทรัพย์จากบอส โดยหนุ่มได้นำคลิปเสียงดังกล่าวมาเปิดกลางดัง พร้อมดังลั่นประโยคสะเทือนใจถึง ฟิล์ม รัฐภูมิ ที่กล้าเอาชื่อของเขาไปใช้แอบอ้าง ซึ่งหลังจากนั้น ฟิล์มได้ออกมาชี้แจงว่า คลิปเสียงดังกล่าวเป็นเสียงของเขาจริง แต่ได้มีการตัดต่อและเงิน 20 ล้าน เป็นค่าใช้จ่ายในการทำพีอาร์ ซึ่งตนเข้าใจว่าดิไอคอนกรุ๊ปต้องการที่จะทำพีอาร์ เพื่อแก้ข่าวเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพียงเท่านั้น หลังจากนั้น หนุ่ม กรรชัย ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับฟิล์มพร้อมลั่นตัดความสัมพันธ์ ด้าน ฟิล์ม ยอมรับต่อความผิดของตนเอง อีกทั้งยังออกมาโต้ทุกดราม่า พร้อมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ยิ้มรับยินยอมหาก หนุ่ม กรรชัย ต้องการเอาเรื่อง แต่ยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง อย่างไรต้องติดตามว่าแมวเก้าชีวิตอย่างฟิล์ม จะรอดหรือร่วงในประเด็นนี้


ดราม่า ‘แบนแม่หยัว’ ทัวร์ลงยับ ปมวางยาแมวดำ หนึ่งบทเรียนของวงการบันเทิง
เรียกได้ว่าสะเทือนไปกันไปหมด ไม่ว่าจะเบื้องหน้าหรือเบื้องหลังของอุตสาหกรรมบันเทิงไทย สำหรับซีรีส์พีเรียดฟอร์มยักษ์ส่งท้ายปี “แม่หยัว” ที่หลายคนตั้งตารอคอย กระแสดีตั้งแต่ก่อนฉาย แต่กลับมาตกม้าพลาดท่า หลังซีนหนึ่งใน อีพี5 ได้มีการนำแมวดำเข้าฉากร่วมทำการแสดง โดยในซีรีส์ ฉากนี้ได้ใช้แมวเพื่อพิสูจน์ว่า น้ำชาที่พระสนมตันหยง (แสดงโดย เฟิร์น นพจิรา) ได้รับจากท้าวศรีสุดาจันทร์ (แสดงโดย ใหม่ ดาวิกา) มีพิษหรือไม่ ซึ่งหลังจากแมวกินชาดังกล่าว จึงเกิดอาการชักและตายในที่สุด โดยหลังจากอีพีนี้ถูกเผยแพร่ ได้เกิดตั้งข้อสงสัยว่าแมวตัวดังกล่าวตายจริงหรือไม่ เนื่องจากมีความสมจริงมาก เป็นไปได้ยากที่จะสั่งการให้แมวมีอาการชักขาเหยียดได้ขนาดนี้

ต่อมา “จ๋า โมฬีวรรณ” นักแสดงซึ่งอยู่ในฉาก ได้ออกมาโพสต์ข้อความว่า “น้องแมวไม่ได้ตุยจริงน๊า เราวางยาสลบแมว แต่ตอนถ่ายทำน้องขย้อน กระตุก ๆ คือนึกว่าตายจริง ป้าจ๋ากับน้องเฟิร์นหน้าถอดสี ตกใจจริงๆ” หลังจากโพสต์ข้อความดังกล่าวนั้น ทำเอาหลายคนถึงกับช็อก และสะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งยังวิจารณ์ไปถึงผู้สร้าง ทีมงาน รวมถึงนักแสดงในเรื่องที่ทำเหมือนเเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ และได้เกิดแฮชแท็ก #แบนแม่หยัว ที่ติดเทรนด์ x และเป็นที่สนใจนานหลายวัน โดยต่อมา สันต์ ศรีแก้วหล่อ ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวอธิบายว่า ได้มีการวางยาสลบแมวจริง แต่ได้รับการดูแลจากแพทย์ทุกขั้นตอน หลังถ่ายทำจบ แมวฟื้นและใช้ชีวิตปกติ เพื่อความสบายใจ ทางโมเดลลิ่งถ่ายคลิปแมวตัวดังกล่าวมายืนยันว่ายังมีชีวิตอยู่ และจะนำไปตรวจสุขภาพอีกครั้ง พร้อมแนบคลิปแมวเพื่อยืนยัน ซึ่งหลังจาก สันต์ ออกมาชี้แจง ก็ยังเกิดกระแสต่อ ว่าแมวคือคนละตัวกับที่ใช้ถ่ายทำ และมองว่าแมวจะตายหรือไม่นั้น ไม่ใช่ประเด็น เพราะสิ่งนี้ไม่ควรเกิดขึ้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม จากประเด็นนี้ได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างอย่างมากมาย ทั้งตัวนักแสดงในเรื่อง รวมไปถึงทีมผู้ผลิตในวงการบันเทิง ให้ตระหนักถึงเรื่องนี้อย่างหนัก และหวังว่าบทเรียนนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคตของวงการบันเทิงไทย


จบคู่จิ้น ‘กามิน-แน็ก’ มหากาพย์ดราม่าข้ามแดน ชาวเน็ตเสียงแตกแบ่งทีมฟาด
หักอกหัวใจแฟนๆ ล่มไม่เป็นท่าอีกคู่ สำหรับคู่รักต่างภาษาสายคอนเทนต์ “แน็ก ชาลี” และ “กามิน” ติ๊กต็อกเกอร์ชาวเกาหลี ซึ่งก่อนหน้านี้ความรักของทั้งคู่ดูลงล็อกน่ารัก ชอบมีโมเมนต์หวานๆ ออกมาให้แฟนๆ ได้รับชมอยู่ตลอดเวลา แต่จู่ๆ ต้นเดือน ก.ย 67 แน็ก ชาลี ได้ออกมาไลฟ์ ประกาศจบความสัมพันธ์กับกามิน ซึ่งทั้งคู่ห่างกันประมาณ 2 อาทิตย์แล้ว ด้านกามินได้บินกลับเกาหลี แยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง ภายหลังจากหนุ่มแน็กออกมาเผยเรื่องราวดังกล่าว ชาวเน็ตหลายรายได้เข้าถล่มในโซเชียลของกามินด้วยถ้อยคำรุนแรง ข่มขู่ลามไปถึงครอบครัว ข่าวลือในแง่ลบของสาวกามินลือสะพัดไปไกล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เธอบอกว่าคนไทยหลอกง่าย เผาบ้านหนุ่มแน็ก แอบซุกกิ๊กพาย่องขึ้นโรงแรมที่แน็กเป็นคนเช่าให้ และอีกมากมาย

จนหลายคนพากันเดือดตาม บางคนมองว่าเธอเห็นแน็กเป็นเครื่องมือใช้ในการหาเงิน เมื่อโด่งดังมีชื่อเสียงได้สิ่งที่ต้องการก็ถีบหัวส่ง บินกลับไปใช้ชีวิตสุขสบายที่ประเทศของตัวเอง บางรายถึงขั้นสาปส่งไม่ยอมให้กลับมาเหยียบประเทศไทยอีก แต่เรื่องราวใหญ่โตเป็นไฟลามทุ่ง ด้าน กามิน ไม่เฉยออกมาโต้ทุกประเด็นดราม่า โดยเธอบอกว่าที่เดินทางมาไทยเพราะความรักที่มีต่อ แน็ก ชาลี ไม่ใช่เพราะเรื่องเงิน ปฏิเสธเรื่องเธอไม่ได้ท้อง ไม่ได้หิ้วผู้ชายขึ้นโรงแรมและอื่นๆ ตามที่หลายคนเข้าใจผิด ทุกข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นสร้างความเจ็บปวดบาดแผลในจิตใจให้เธอ และถูกมองว่าเป็นอาชญากร ซึ่งหากเธอทำผิดจริงจะยอมมอบตัวและติดคุก เธอยืนยันว่าทุกอย่างจบลงด้วยดี ไม่มีใครต้องออกมารับผิดชอบค่าเสียหายในงานอะไร หลังจากกามินออกมาชี้แจง ชาวเน็ตเสียงแตกแบ่งออกเป็นสองทีม จากที่ทัวร์ลงสาวกามินเพียงคนเดียว กลับกลายเป็นด้าน แน็ก ก็โดนขุดวีรกรรมออกมาแฉ จนเกิดเป็นแฮชแท็ก #แบนแน็กชาลี จนแน็กต้องออกมาไลฟ์ชี้แจงอีกครั้ง โดยโต้ว่าตนเองดูแลกามินมาอย่างดีโดยตลอด มีบ้านมีโรงแรม รถคอยรับส่งตลอดเวลา ไม่เคยกักขังหรือห้ามกามินเที่ยว และเผยว่าเรื่องกามินเผาบ้านที่หลายคนเข้าผิด ตนไม่เคยพูด

กระทั่งวันที่ 6 พ.ย. 67 กามินได้เดินทางมาประเทศไทยอีกครั้ง นัดสื่อมวลชนตั้งโต๊ะแถลง ชี้แจงทุกข้อครหาที่เป็นมลทิน โดยเล่าว่าที่ต้องกลับเกาหลีโดยไม่ร่ำลา เพราะแน็กขอจบความสัมพันธ์ เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกลับเกาหลี สาเหตุที่ทั้งคู่ต้องจบความสัมพันธ์เป็นเพราะปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ความเข้าใจไม่ตรงกันและปัญหาความแตกต่างของภาษาและวัฒนธรรม กามินย้ำว่า ความรักที่เธอมีต่อแน็ก เป็นความรักที่เกิดจากความรู้สึกที่แท้จริง โดยเธอได้ตั้งทีมทนายคนไทยจ่อฟ้อง เบื้องต้นดำเนินการฟ้องไปทั้งหมด 5 คน เป็นทั้งบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล ในส่วนของคู่กรณี (แน็ก ชาลี) ยังไม่มีการฟ้อง แต่อยู่ในขั้นตอนการพิจารณา ถ้าเกิดมีอะไรที่อยู่ในการก้าวล่วงกัน ก็ต้องอยู่ในการพิจารณา ดำเนินการฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาท หรือ พ.ร.บ.คอมคอมพิวเตอร์ ได้ดำเนินการฟ้องไปแล้ว


ช็อก ‘ติ๊ก ชิโร่’ เมาชนสองพี่น้องอนาคตไกลดับ
มากันที่กรณีของศิลปินชื่อดัง “ติ๊ก ชีโร่” ขับรถตู้ชนจักรยานยนต์ชน 2 พี่น้องอนาคตไกลดับ โดยเหตุการณนี้ เกิดขึ้นเช้ามืดของวันที่ 10 ต.ค. 67 ได้มีการรับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุรถชนเกิดขึ้น บริเวณถนนสุขาภิบาล 5 ช่วงสะพานข้ามถนนเทพรักษ์ แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพฯ เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึง พบผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต และ ติ๊ก ชิโร่ ยืนรอมอบตัวอยู่ในที่เกิดเหตุ ผู้บาดเจ็บได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ตนและผู้เสียชีวิตขี่รถจักรยานยนต์ซ้อน 3 โดยตนนั่งตรงกลาง ขณะขึ้นมาบนสะพาน ขวดน้ำเปล่าของตนได้หล่นตกลงไปบนถนน จึงบอกให้น้องชายที่เป็นคนขี่ หยุดรถ และจอดริมสะพาน ตนเดินลงไปเก็บขวดน้ำ ระหว่างนั้นรถตู้ของ ติ๊ก ชิโร่ ก็พุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่น้องชายและพี่สาวจอดรออยู่อย่างรุนแรง จนรถกระเด็นพี่สาวเสียชีวิตบนสะพาน ขณะที่น้องชายร่างกระเด็นตกลงไปถนนด้านล่างเสียชีวิต หลายคนตั้งข้อสงสัยว่า ติ๊ก ชิโร่ มีอาการเมาหรือไม่ จนในวันที่ 15 ต.ค. 67 ตำรวจได้เผยผลตรวจ ติ๊ก ชิโร่ มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ (สูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด)

เบื้องต้น ทางพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว ได้เรียกมาสอบปากคำเพิ่มเติมพร้อมแจ้งข้อหา รวม 5 ข้อหา ประกอบด้วย ขับขี่รถในขณะเมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส, ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส และทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย ขั้นตอนต่อไปรอคู่กรณีทั้งสองฝ่ายนัดหมายมาเจรจาค่าสินไหมทดแทนและค่าเสียหาย และรวบรวมพยานหลักฐานส่งอัยการฟ้องต่อศาลอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้ สร้างความโศกเศร้าเสียใจให้กับครอบครัวคนสนิทของผู้เสีย อีกทั้งยังเป็นอีกหนึ่งบทเรียนให้กับหลายๆ คน ในการใช้รถใช้ถนน ให้ตระหนักและระมัดระวังมากยิ่งขึ้น

ปิดตำนาน ‘นัท-อั้ม’ 15 ปี รักไม่ช่วยอะไร โยง ‘เจนี่’ เอี่ยวทำเตียงหัก ‘เอ พศิน’ ช้ำหนักรักข้างเดียว
แซ่บส่งท้ายปีด้วยประเด็นรัก 4 เศร้า ระหว่าง นัท มีเรีย, อั้ม อธิชาติ, เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ และ เอ พศิน ที่กลิ่นดราม่าฟุ้งกรุ่นๆ มาตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค. ้67 หลังมีข่าวลือเมาท์ถึงพระเอกตัวท็อปส่อแววรักร้าวเตียงหักกับนักร้องสาวยุค 90 เพราะฝ่ายชายนอกใจ หลายคนพุ่งเป้าไปที่คู่ของ อั้มและนัท จนหนุ่มอั้ม ได้ออกมายืนยันว่ายังรักกันดี อยู่ด้วยกัน ขาเตียงไม่มีแรงสั่นคลอน ด้านนัทได้ออกมาเคลื่อนไหวโดยการโพสต์เพลง Be OK ของ Ingrid Michaelson ผ่านไอจีสตอรี่ของเธอ และโพสต์ภาพสองมือจับกันแน่น พร้อมแคปชั่นว่า “Together” แท็กไปที่ไอจีของลูกสาวบุญธรรม น้องฟ้าโปรด รวมถึงคนสนิทและผู้จัดการส่วนตัวด้วย ไม่มีการแท็ก อั้ม อธิชาติ เท่านั้นยังไม่พอ ในช่วงบุญกฐินที่ผ่านมา ทั้งคู่เดินทางไปทอดกฐินถึงจังหวัดเชียงใหม่ แต่กลับทำคนงงหนัก หลังทราบภายหลังว่า นัท อั้ม ทำบุญคนละวัด ยิ่งสร้างความสงสัยคาใจหนักมาก

จากนั้นกลิ่นดราม่ารุนแรงขึ้น เมื่อจู่ๆ มีคำใบ้นางเอกซุป’ตาร์สายมู เลิกสามี ไปคบดาราหนุ่มเจ้าพ่อนาคา แต่ไม่รอดเจอตัดสัมพันธ์หันพระเอกก้ามปู ทำเอาคนแห่เดาว่า “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” คือ นางเอกสาวสายมู เจ้าพ่อนาคาอกหัก คือ “เอ พศิน” สุดท้าย พระเอกก้ามปู หนีไม่พ้น “อั้ม อธิชาติ” งานนี้โซเชียลระอุอีกครั้ง จนเจ้าพ่อนาคา เอ พศิน ต้องรีบออกมาโพสต์ชี้แจงผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว อีกทั้งยังแถลงต่อหน้าสื่อมวลชนว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเจนี่ ไม่มีอะไรเกินเลยตามข่าวลือ แม้แต่คำว่าเพื่อนจะยังไม่ใช่ด้วยซ้ำ ทุกครั้งพูดคุยจะคุยปรึกษากันแค่เรื่องของการทำเหรียญพญานาค ตนรู้สึกดี พร้อมจะเกินเลยถ้าอีกฝ่ายตอบรับ แต่เจนี่มองว่าเป็นแค่พี่ชาย ด้าน อั้ม อธิชาติ ได้ออกมาพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเจนี่ว่าข่าวลือที่เกิดขึ้นไม่เป็นความจริง ตนและเจนี่หยอกล้อกันเพราะสนิทตั้งแต่สมัยเพิ่งเข้าวงการ ส่วนประเด็นเลิกรากับ นัท มีเรีย ยังไม่ขอพูด แต่ไม่มีใครเข้ามาพัวพันในความสัมพันธ์ตามที่ลือกัน


เมื่อสองหนุ่ม อั้มและเอ ออกมาชี้แจงประเด็นในส่วนของตัวเองเป็นที่เรียบร้อย หลายคนรอลุ้นคำตอบจากด้านสาวเจนี่ โดยในงานอีเวนต์นักข่าวต่างรอสัมภาษณ์สาวเจนี่ หวังว่าเธอจะใช้พื้นที่ตรงนี้เพื่อชี้แจงแก้ต่างข่าวลือที่เกิดขึ้น แต่สุดท้าย สาวเจนี่ไม่พร้อมตอบคำถาม เดินหนี ไม่มีแม้แต่คำร่ำลา ทำเอาสื่อมวลชนงงตาแตกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

หลังจากนั้นไม่นานด้าน “นัท มีเรีย” ได้ออกมาประกาศชัดๆ ต่อหน้าสื่อมวลชนครั้งแรกว่า ได้ยุติบทบาทสามีภรรยากับหนุ่ม อั้ม อธิชาติ แต่ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน จบกันด้วยดี ส่วนเรื่องที่อั้มออกมาโต้ว่ายังไม่เลิก ไม่เข้าใจว่าทำไมอั้ม ถึงพูดเช่นนั้น เพราะจริงๆ ทั้งคู่เลิกกันมาได้สักพักหนึ่งแล้ว เรื่องของมือที่สามหรืออักษรย่อคำใบต่างๆ เป็นเรื่องอยู่เหนือการควบคุม ถ้าพูดถึงเรื่องหย่า ไม่ต้องเซ็นหย่า เพราะไม่ได้จดทะเบียนสมรสตั้งแต่แรก หลังจาก นัท มีเรีย ออกมาสัมภาษณ์ ทัวร์ก็ลง อั้ม อธิชาติ อย่างจัง โดยได้เข้าไปคอมเมนต์ถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น อยากได้คำตอบจากทางหนุ่มอั้ม กันอย่างมากมาย และแห่ส่งกำลังให้ นัท มีเรีย ล้นหลาม หวังว่านักร้องสาวจะมูฟออนได้อย่างเข้มเข็ง และได้เจอความรักที่คู่ควรกับเธอในสักวัน จนล่าสุดหนุ่มอั้มออกมายืนยันแล้วว่า ไม่มีมือที่สาม และปรึกษาตำรวจแล้วด้วยว่า การคอมเมนต์แบบไหนที่จะจัดการได้บ้าง โดยย้ำว่าตนเองกับเจนี่แค่เป็นพี่น้องที่สนิทกันตั้งแต่เด็กๆ ไม่ได้มีอะไรนั่นเอง



บอกเลยว่าตลอดปี 2567 ที่ผ่านมา เรื่องราวแซ่บๆ ฉาวๆ ของคนบันเทิง มีมาเสิร์ฟให้ฉ่ำๆ แบบนอนสต็อป มีให้เห็นหลากหลายประเด็น ตั้งแต่รักเลิก ลามไปเรื่องราวอาชญากรรมที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น และถือว่าเป็นปีที่หนักหน่วงสำหรับคนบันเทิงมากมาย ปี 2568 แม้จะเป็นปีมะเส็ง แต่เชื่อว่ามีเรื่องราวดราม่าแซ่บเผ็ดร้องซี้ดมาให้แฟนๆ ได้ติดตามอีกแน่นอน
ทีมข่าวบันเทิง