การเมืองไทยปี 2567 ร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง แต่เซียนการเมืองมองว่ายังแค่เผาหลอก ของจริงต้องไปว่ากันในปี 2568 หรือปีมะเส็ง “ทีมการเมืองเดลินิวส์” จึงมาจับเข่าคุยกับ ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์” ซึ่งมองว่า พรรคการเมืองต่างๆ มองไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคเพื่อไทย พรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย โดยภูมิใจไทยเป็นตัวสำคัญที่เพื่อไทยขาดไม่ได้ ภูมิใจไทยจึงมีอำนาจต่อรองสูง และทำให้เพื่อไทยต้องถอย หากเสนออะไรไปแล้วภูมิใจไทยไม่เอา

ขณะที่ภูมิใจไทยก็ต้องการเพื่อไทย ถ้าอยากให้พรรคประชาชนเป็นฝ่ายค้าน จึงต้องจับมือกันจนกว่าจะไปถึงเลือกตั้งครั้งหน้าแล้วค่อยว่ากันใหม่ ถ้าสภาอยู่ครบวาระ 2 ปี 5 เดือน ซึ่งเพื่อไทยจะหนัก เพราะต้องแข่งกับพรรคประชาชนและภูมิใจไทยที่จี้หลังมา

ถือเป็นการเมืองสามเส้า 2 พรรคไหนจับมือกัน พรรคที่เหลือก็เป็นฝ่ายค้าน ตอนนี้เพื่อไทยจับมือกับภูมิใจไทย แต่บางทีก็ต้องจับมือกับพรรคประชาชน ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับประชาธิปไตย เพราะถ้าเพื่อไทยหวังแต่ผลงานการแก้ไขเศรษฐกิจ อาจไม่พอ ซึ่ง 1 ปีที่ผ่านมายังไม่เห็นผลงานเด่นชัด

นอกจากนี้ ปี 2568 เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นโจทย์ใหญ่ แต่ร่างแก้ไขกฎหมายประชามติยังชะงัก และยากที่จะทำให้รัฐธรรมนูญใหม่ออกมาทันเลือกตั้งรอบหน้า แต่ยังเป็นไปได้ถ้าสภาอยู่ครบเทอม ถ้าไม่ครบเทอม ก็ไม่ทันแน่

@ รัฐบาลจะอยู่ครบเทอมได้หรือไม่

ถ้าดูจำนวนเสียงสส.พรรคร่วมรัฐบาล ถือว่าท่วมท้น และถ้าไม่มีปัญหาภายใน ก็อยู่ครบเทอม พรรคฝ่ายค้านมีแค่พรรคประชาชน พรรคพลังประชารัฐที่มีแค่ซีก “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ซึ่งเข้าตามแผนของคุณทักษิณ ชินวัตร ที่ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว คือ 1.โดดเดี่ยวพรรคประชาชน 2.ทำให้ฝ่ายค้านอ่อนแอ เพราะนึกภาพพรรคประชาชนหารือกับพล.อ.ประวิตรไม่ออก 3.ลดอำนาจต่อรองของภูมิใจไทย ด้วยการดึงประชาธิปัตย์มาร่วมรัฐบาล ทำให้เพื่อไทยยังเป็นรัฐบาลต่อได้ แม้ภูมิใจไทยจะถอนตัว

“ถ้านับเสียงในสภา รัฐบาลอยู่ครบเทอม แต่ถ้าจะมีเหตุให้ไปก่อนเวลา ก็มีแต่เรื่องมาจากพรรคเพื่อไทย โดยมากเกิดจาก ‘คุณทักษิณ’ และครอบครัว ‘ชินวัตร’ ที่นำไปสู่คำร้อง เช่น ร้องยุบพรรคเพื่อไทย ด้วยเหตุที่ปล่อยให้ “คุณทักษิณ” ควบคุม ครอบงำ ชี้นำพรรค, คดีสนามกอล์ฟอัลไพน์, เรื่องชั้น 14 และเรื่องคุณ ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ จะกลับบ้าน”

นอกจากนี้ ด้วยความที่ภูมิใจไทยกับเพื่อไทยคุมเชิงกันอยู่ ทั้งร่วมมือและแข่งกัน พรรคภูมิใจไทยคุมกระทรวงมหาดไทยซึ่งกำกับกรมที่ดิน ที่เกี่ยวข้องกับสนามกอล์ฟอัลไพน์ ขณะที่เพื่อไทยคุมกระทรวงคมนาคมที่เกี่ยวข้องกับคดีเขากระโดง จึงมีคำถามว่าเขาจะรบกันหรือไม่ คือเรื่องเขากระโดงเป็นเรื่องใหญ่ของคุณ “เนวิน ชิดชอบ” ที่เป็นผู้ใหญ่ของภูมิใจไทยซึ่งมีบทบาทคล้ายกับ คุณทักษิณ” ที่มีต่อเพื่อไทย หากภูมิใจไทยต้องการเติบโตมากขึ้น ต้องแก้ไขเรื่องนี้แบบที่คนยอมรับได้ จึงอาจมีโอกาสได้ส.ส.เกินร้อยคนได้ในคราวหน้า

ส่วนเรื่อยุบพรรคเพื่อไทย เพราะ “คุณทักษิณ” ครอบงำนั้น อยู่ที่กกต.จะส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ และเสียงข้างมากของศาลรัฐธรรมนูญ คือ 5 คนขึ้นไปจะตัดสินอย่างไร ถ้าวันนั้น คุณแพทองธาร ชินวัตร อยู่ คงยังต่อสู้ได้ว่าใช้บ้านพ่อจัดประชุม แต่คุณแพทองธารไม่อยู่ ก็ลำบาก แล้วข้อนี้อาจลามไปถึงภูมิใจไทยและพรรคร่วมรัฐบาล และยังมีข้อเท็จจริงอื่นที่อาจเป็นปัญหา เช่น การที่คุณทักษิณปาฐกถา แล้วนโยบายเศรษฐกิจของเพื่อไทยออกมาใกล้เคียงกันมาก แต่โอกาสต่อสู้ของเพื่อไทยยังมี เพราะมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ห้ามไม่ให้คนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค มาควบคุม ครอบงำ ชี้นำ ทั้งทางตรงทางอ้อม และยังระบุว่า “จนถึงขนาดที่พรรคการเมืองและสมาชิกพรรคขาดอิสระในการดำเนินการ” ต้องดูว่าจะสู้อย่างไร แต่สุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญจะลงมติอย่างไร

ส่วนเรื่องคุณยิ่งลักษณ์ คงไม่ใช้วิธีนิรโทษกรรม เพราะอาจทำให้ม็อบจุดติดเหมือนตอนออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้คุณทักษิณ ดังนั้นคงใช้วิธีขอพระราชทานอภัยโทษ แต่ระหว่างรอการอภัยโทษ จะอยู่เรือนจำหรือที่ไหน ถ้าจะไปโรงพยาบาล ก็อาจยาก เพราะกรณีคุณทักษิณชั้น 14 ยังไม่กระจ่าง จึงมีคนโยงกับระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการคุมขังในสถานที่กักขังฉบับใหม่ว่าเป็นการเตรียมการให้คุณยิ่งลักษณ์กลับประเทศหรือไม่ และการขอพระราชทานอภัยโทษครั้งนี้ ถ้าคนทูลเกล้าฯ และรับสนองพระบรมราชโองการ คือคุณแพทองธาร อาจเป็นจุดอ่อนว่าช่วยคนในครอบครัวหรือไม่

@ การชุมนุมที่นำโดยสนธิ ลิ้มทองกุล จะจุดติดหรือไม่

นี่เป็นอีกเรื่องสำคัญที่เป็นปัจจัยลบต่อเพื่อไทย เพราะเอ็มโอยูปี 2544 รัฐบาลไทยทำกับรัฐบาลกัมพูชาในปีที่คุณทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยแรก ที่จริงเป็นความตั้งใจดีที่จะแก้ปัญหากับประเทศเพื่อนบ้านด้วยการตั้งกรรมการแบ่งประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล แต่มีปัญหาการขีดเส้นแบ่ง ประเทศไทยทำตามกฎหมายระหว่างประเทศ ส่วนกัมพูชาถูกทักท้วงว่าขีดเส้นโดยไม่ยึดกฎหมายระหว่างประเทศแล้วล้ำเขตไทย พอรัฐบาลไทยด่วนไปยอมรับ เรื่องความสัมพันธ์อันดีระหว่าง “คุณทักษิณ – สมเด็จฯ ฮุน เซน” จะเกิดคำถามทันที อย่าลืมว่าสมัยรัฐบาลของคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีมติครม.ให้ยกเลิกเอ็มโอยูนี้ เพราะสมเด็จฯ ฮุน เซ็น ตั้งคุณทักษิณเป็นที่ปรึกษา แต่ยังไม่ทันได้เข้าสภา ก็เลือกตั้งใหม่เสียก่อน

จึงควรเริ่มต้นใหม่ ขีดเส้นตามหลักกฎหมายสากล มีพื้นที่ทับซ้อนจริงเท่าไหร่ ค่อยเจรจาแบ่งผลประโยชน์กัน ขอย้ำว่าเอ็มโอยูไม่ใช่กฎหมาย ไม่ใช่สัญญา แต่มีเพื่อบอกฝ่ายเดียวกันว่าต้องทำอะไรต่อ เอาไปบังคับอีกฝ่ายไม่ได้ นี่จึงอาจจะเป็นเรื่องที่ม็อบจะจุดติดได้ แล้วคุณสนธิก็เป็นโจทก์เก่าของคุณทักษิณ ที่เคยจุดม็อบพันธมิตรฯ ติดเมื่อปี 2549 และครั้งนี้คุณสนธิประกาศว่าจะลงถนน ถ้ารัฐบาลเดินหน้าเรื่องนี้ต่อ เพื่อไทยจึงต้องระวัง

พรรคเพื่อไทยและคุณทักษิณถูกประท้วงขนาดใหญ่มากที่สุด แล้วจบด้วยการรัฐประหารทั้ง 2 ครั้ง ควรเป็นบทเรียนสำคัญว่าจะทำอย่างไรไม่ทำให้เกิดชนวนอีก รัฐประหารต้องหมดไป เราต้องไม่เรียกทหารเข้ามาปฏิวัติ แต่รัฐบาลต้องไม่ทำให้ความชอบธรรมลดลง ไม่ทำให้เกิดคำถามใหญ่จนเกิดการต่อต้าน เหตุการณ์ที่เคยเกิดแล้วไม่ควรเกิดซ้ำอีก.