ดูหนังกับหมี ได้รับโอกาสไปรับชมภาพยนตร์ Mufasa: The Lion King (มูฟาซา: เดอะไลอ้อนคิง) ผลงานภาคต่อแฟรนไชส์ราชสีห์ชื่อดัง The Lion King กำกับโดย Barry Jenkins ภายใต้ Walt Disney Studio Motion Pictures ที่จะนำความเป็นดราม่ามิวสิคัลกลับมาให้แฟน ๆ ทั่วโลกได้สัมผัสกันอีกครั้ง ผ่านเรื่องราวของอดีตราชาเจ้าป่าผู้ยิ่งใหญ่ “มูฟาซา” และน้องชายของเขา

Mufasa: The Lion King เป็นทั้ง “ภาคต่อ” และ “เรื่องราวก่อนหน้า” ของ The Lion King (ปี 2019) และ The Lion King เวอร์ชั่นต้นฉบับปี 1994 ทำให้ผู้ชมจะได้เห็นทั้งตัวละครใหม่ที่ปรากฎตัวขึ้นในช่วงหลังจากจบเรื่องราวในภาคแรกของแฟรนไชส์ไป พร้อมกับได้เห็นตัวละครใหม่ ๆ มากมายที่จะปรากฎตัวภายใน “เรื่องเล่า” ของตัวละครในเรื่องอีกด้วย!
ส่วนทีมแคสต์ในเรื่องนี้ พวกเขาก็ได้ผู้ให้เสียงตัวละครชุดเดิมจาก The Lion King (2019) กลับมาหลายคน ไม่ว่าจะเป็น Seth Rogen (พุมบา), Billy Eichner (ทีโมน), Donald Glover (ซิมบา), Beyoncé Knowles-Carter (นาลา) รวมถึง John Kani (ราฟิกิ) ส่วนผู้ให้เสียงหน้าใหม่ก็จะมี Aaron Pierre (มูฟาซา), Kelvin Harrison Jr. (ทากา/สการ์), Tiffany Boone (ซาราบี), Mads Mikkelsen (ไครอส), Thandiwe Newton (เอเช), Lennie James (โอบาซี), Anika Noni Rose (อาเฟีย) รวมถึง Blue Ivy Carter (เคียรา) ที่ได้มาเดบิวต์ภาพยนตร์เรื่องแรก พร้อมกับได้บทบาทเป็น “ธิดาแห่งเจ้าป่า” ในเรื่องนี้!
เรื่องย่อ จะเป็นการโฟกัสไปที่ความเป็นมาในวัยหนุ่มของ “มูฟาซา” อดีตราชสีห์แห่งแดนผาทระนงผู้พลัดพรากจากพ่อแม่ แล้วได้ไปพบกับ “ทากา” บุตรแห่งโอบาซี ผู้มีเชื้อราชวงศ์ แล้วทั้งสองก็ได้เป็นพี่น้องกัน แต่ด้วยอุปสรรค์ต่าง ๆ ทั้งในเรื่องการย้ายถิ่นฐานของมูฟาซา รวมถึงการรุกรานของสิงโตต่างถิ่นอย่างกลุ่มของ “ไครอส” ก็ทำให้ทั้งสองต้องเดินทางออกไปตามหา ‘ดินแดนในฝัน’ พร้อมกับพบความท้าทายต่าง ๆ มากมายที่รออยู่ข้างหน้า
ทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องราวที่ได้รับการถ่ายทอดจาก “ราฟิกิ” ลิงแมนดริลผู้เป็นร่างทรงแห่งดินแดนมาหลายชั่วอายุ เขาได้นำเรื่องราวของราชาผู้ยิ่งใหญ่นี้ ที่เขาเคยร่วมเดินทางมาด้วยกันในอดีต มาเล่าให้กับ “เคียรา” รวมถึง “คู่หูทีโมนและพุมบา” ได้เข้าใจมากขึ้นว่าเส้นทางของ “มูฟาซา” ผู้เป็นทั้งราชสีห์และพ่อของ “ซิมบา” รวมถึง “ทากา” (ที่ต่อมาได้ใช้ชื่อว่า สการ์) จะเป็นอย่างไรบ้าง!

ด้วยการใช้เทคนิค CGI ที่สมจริงในเรื่องนี้ ทำให้ “มูฟาซา” กลายเป็นภาพยนตร์ที่น่าตื่นตาตื่นใจในด้านงานภาพ รวมถึงยังเป็นหนึ่งในก้าวครั้งสำคัญด้านความสามารถในการประมวลภาพของซอฟต์แวร์แอนิเมชั่นคอมพิวเตอร์ให้โลกประจักษ์อีกด้วย เพราะมันสามารถถ่ายทอดลวดลาย ลักษณะทางกายภาพของสัตว์ ไม่เพียงแต่น้ำและน้ำแข็ง รวมถึงการหักเหของแสงที่เกิดขึ้นในละอองน้ำ ในขณะที่การแสดงสีหน้าของสัตว์ก็ได้รับการแก้ไขให้ดียิ่งขึ้นจาก ‘ภาคก่อนหน้าปี 2019’ ทำให้ผู้ชมสามารถสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณของตัวละครมากขึ้น

อีกหนึ่งในความมหัศจรรย์ของเรื่องนี้ ก็คือเรื่องราวการช่วยชีวิตมูฟาซาจากขากรรไกรของจระเข้โดย “ทากา” ทำให้เขาถูกรับเลี้ยงโดยฝูงของทากา และได้การยอมรับว่าเป็น “พี่ชาย” จนต่อมา เพลง “I Always Wanted a Brother” หนึ่งในบทเพลงสุดฮิตของ Lin-Manuel Miranda ก็กลายเป็นหนึ่งในซาวด์แทร็กที่ดีที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้ รวมถึงยังเป็นสิ่งย้ำเตือนถึงความสัมพันธ์ของพี่น้องคู่นี้ในอดีดอีกด้วย

อย่างไรก็ดี จุดที่ยังขาดหายไป คือความพยายามในการสร้างอารมณ์ขันจากสองคู่หูทีโมนและพุมบา เพราะมันยังมีความจำเจเกินไปจนทำให้บทบาทของทั้งสองตัวละครนี้ยังขาดมิติไปพอสมควร บวกกับเรื่องการเล่าเรื่องที่มีความรวบรัด ทำให้องค์ประกอบบางช่วงของเรื่องยังขาดคำอธิบายที่ชัดเจน พร้อมกับทำให้ซีนที่จะกระแทกความรู้สึกของผู้ชมก็ยังขาดหายไปอยู่บ้าง ทำให้ความรู้สึกในการรับชมเรื่องนี้ กับเรื่องก่อนหน้าอย่าง The Lion King (2019) อาจแตกต่างออกไปบ้าง

4/5
Mufasa: The Lion King ถือเป็นเรื่องที่มีองค์ประกอบหลายอย่างให้ผู้ชมทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะวัยเด็ก สามารถรับชมได้อย่างสนุกสนาน เพลิดเพลินไปกับตัวละครต่าง ๆ ที่ได้รับการถ่ายทอดผ่าน CGI สุดตระการตา แม้ว่าเรื่องนี้อาจยังขาดองค์ประกอบบางส่วนที่หนังภาคแรกได้สร้างรากฐานไว้ แต่ด้วยองค์ประกอบโดยรวมและความน่าสนใจในเรื่องราวของหลายตัวละครในจักรวาล ก็ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นอีกหนึ่งในภาพยนตร์ที่อยู่ในระดับดีและน่าค้นหา โดยเฉพาะถ้าใครเคยติดตาม The Lion King ต้นฉบับยุค 90s ก็ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง เพราะพวกเขาก็ได้นำกลิ่นอายของสิ่งเหล่านั้นกลับมาขึ้นบนหน้าจอให้ร่วมสัมผัสกันอีกครั้งแล้ว
อีกหนึ่งในความทรงจำที่จะไม่กล่าวถึงก็ไม่ได้ ก็คือเสียงของนักแสดง Aaron Pierre ที่ได้ถ่ายทอดความเป็น “มูฟาซา” ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้หลายคนรำลึกถึง James Earl Jones อดีตผู้ให้เสียงต้นฉบับ “มูฟาซา” ปี 1994 ที่จากโลกไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทำให้หลายคนสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณของต้นฉบับตัวละครได้อย่างดี แล้วมันก็กลายเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ผู้ชมไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง
———————————————
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก: Disney
คอลัมน์ : ดูหนังกับหมี
โดย : หมีเอฟ