“ทิพยานจิต” ดุจดังศิลปะลอยนํ้า สามารถรองรับผู้มาเยือนสูงสุดได้ 18 ที่นั่ง ร่วมสัมผัสเมนู 7 คอร์สอาหารไทยร่วมสมัยชั้นเลิศ ที่ได้สร้างสรรค์โดย เชฟปิยชาติ พุทธวงศ์ หรือเชฟบอย จากร้านอาหารเสน่ห์จันทน์ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งทาง “เชฟบอย” เล่าว่า การสร้างสรรค์เมนูเป็นอาหารไทยร่วมสมัยแต่ไม่ทิ้งเอกลักษณ์ของความเป็นไทยซึ่งมีความตรงและสอดคล้องตรงกับความงาม ความเป็นไทยของ เรือทิพยานจิต

คอร์สแรกเป็น อาหารไทยที่สร้างสรรค์ออกมาสามคำ เป็นเครื่องว่างไทยสามอย่าง ขนมครกหน้ากุ้งกับครีมมันกุ้งเสวย ใส่ความเป็นไทยเข้าไปคือครีมมันหัวกุ้ง หน้ากุ้งและคาเวียร์ ขนมเบื้องนํ้าพริกเมืองกับอ่องปูนา หรือทาร์โก้ขนมเบื้อง มีความกรุบกรอบเคล้ารสชาตินํ้าพริกหนุ่ม อ่องปูนา ไข่นกกระทาและมีขมิ้นขาวแกะสลักลายไทยสวยงาม รสชาติกลมกล่อมลงตัว และ ทอดมันปูกับซอสพริกเหลืองไข่ปู ที่ทำเป็นมูสให้ รสสัมผัสเข้มข้นไม่เลี่ยน

เมนูเรียกนํ้าย่อย เป็น ยำส้มฉุนกับกุ้งลายเสือสะเอ๊อะ เชฟบอยได้แรงบันดาลมาใจมาจากแสร้งว่า และ ยำส้มฉุน เพิ่มความเผ็ดจากซอสพล่าหอมแดงเผา รสชาติเด่นคือ ตัวกุ้งลายเสือสะเอ๊อะ เชฟบอยใช้วิธีการดองกับนํ้าปลา และวิธีการ “สะเอ๊อะ” คือการทำให้กุ้งสุก โดยนํ้ามะนาวหรือความเปรี้ยว ทำให้รสชาติมีความเข้มข้นอร่อย เหมือนต้นตำรับ

มาถึงซุป เป็น แกงชักส้มแบบอยุธยากับมูสทูโทนปลาเห็ดโคน มีความหอมกรุ่นกลิ่นนํ้าแกงที่ปรุงรสชาติด้วยนํ้ามะนาว นํ้ามะขามเปียกและนํ้ามะกรูด คั่นกลางเมนูด้วย กรานิต้าแตงโมปลาแห้ง ที่เย็นชื่นใจ ต่อด้วย เป็ดอบมะแขว่นเสิร์ฟกับแกงระแวงดอกดาหลาและดอกชมจันทร์ เป็ดอบนุ่มฉํ่ารับประทานคู่กับแกงระแวงที่หอมลูกผักชี ยี่หร่าและตะไคร้ในนํ้าแกงที่ออกรสชาติกลมกล่อม

จานหลักเป็น เนื้อย่างเตาถ่านกับเบอร์รี่อาจาดเสิร์ฟคู่กับซอสแกงสิงหลและหัวขึ้นฉ่ายฝรั่งบด ซึ่งเชฟบอยบอกว่า ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการกลับมาประเทศศรีลังกาพอดี แกงสิงหล เป็นแกงที่ได้รับอิทธิพลมาจากศรีลังกา ลักษณะคล้ายแกงมัสมั่น แต่มีรสชาติของผักชีลาวและลูกกระวานค่อนข้างโดด เป็นต้นแบบแกงโบราณของสมัยรัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เวลารับประทานให้รับประทานเนื้อที่ซูวีและย่างกินคู่กับเบอร์รี่ดองกับอาจาดช่วยให้ตัดเลี่ยนชวนเพลินรสมาก
ปิดท้ายที่ขนมประเพณี 4 ถ้วยหรือขนมในสมัยสุโขทัย ซึ่งเป็นขนมที่มีอยู่ในหลักศิลาจารึกคือ ไข่กบ นกปล่อย บัวลอย หรือมะลิลอยและอ้ายตื้อ ทั้งหมดรับประทานคู่กับนํ้ากระสายที่ทำจากมะพร้าวเป็นกะทิกับนํ้าตาลปี๊บ เสิร์ฟคู่กับไอศกรีมกะทิ และ 4 ถ้วยมีไข่กบเม็ดแมงลัก นกปล่อย คือลอดช่อง บัวลอยหรือมะลิลอย นางลอย คือข้าวตอก และ อ้ายตื้อคือ ข้าวเหนียวดำที่เสิร์ฟมาอยู่ในกรวยใบตองและมาลัยมะลิที่งดงามบ่งด้วยความหมายอันเป็นมงคล
อยากสัมผัสรสชาติอาหารไทยร่วมสมัยบนเรือ “ทิพยานจิต” ที่อนันตรา เชียงใหม่ รีสอร์ท ซึ่งเปิดบริการระหว่างวันที่ 24 ธันวาคม 2567-31 มีนาคม 2568 สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่งได้ที่ 0-5325-3333 อีเมล [email protected] หรือ LINE @Anantarachiangmai.
เรื่อง/แม่พลอย