กลยุทธ์ “Presenter Marketing” เป็นหนึ่งในเนวทางที่ถูกนำมาใช้สร้างความแตกต่างและดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค แต่ในการใช้กลยุทธ์นี้ก็จำเป็นจะต้อง “รู้เทคนิค” เช่นกัน ซึ่งวันนี้คอลัมน์นี้ก็มีคำแนะนำมาให้พิจารณา เพื่อใช้เป็นแนวทางกัน…
เกี่ยวกับ “เทคนิคการใช้พรีเซนเตอร์” นี้ เป็นแนวทางจากฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการ ที่ได้ให้ข้อมูลเรื่องนี้ไว้ในเว็บไซต์ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (www.smebank.co.th) โดยกล่าวว่าในโลกธุรกิจยุคดิจิทัลที่มีการแข่งขันสูง การสร้างความแตกต่างและดึงดูดความสนใจเป็นสิ่งที่ท้าทายมากขึ้นสำหรับผู้ประกอบการ และหนึ่งในเครื่องมือทางการตลาดที่ได้รับความนิยมมาก ก็คือ การตลาดแบบใช้พรีเซนเตอร์ (Presenter Marketing) อย่างไรก็ดี แต่การใช้กลยุทธ์นี้ก็มีเทคนิคกับวิธีการเช่นกัน โดยคำว่า Presenter Marketing หมายถึง กลยุทธ์การตลาดที่ใช้บุคคลที่มีชื่อเสียง น่าเชื่อถือ มีอิทธิพลต่อกลุ่มเป้าหมายมาเป็นตัวแทนโปรโมทสินค้าหรือบริการ โดยมีหลักสำคัญคือการสร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดความสนใจผู้บริโภค
ทั้งนี้ ในมุมมองของแบรนด์นั้น เวลาที่จะจ้างบุคคลที่มีชื่อเสียงให้มาช่วยโปรโมทสินค้า ส่วนใหญ่แบรนด์จะแบ่งผู้มีอิทธิพลทางความคิดเป็น 3กลุ่มใหญ่ ๆ นั่นก็คือ 1.ระดับ Top-Tier คือการจ้างบุคคลสำคัญซึ่งเป็นที่รู้จักในวงกว้างมาทำหน้าที่เป็นตัวแทนการสื่อสาร หรือเป็น Brand Presenter ที่จะมีสัญญาจ้างให้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของแบรนด์ และโดยส่วนใหญ่มักจะเป็นคนที่มีชื่อเสียง ศิลปิน ดารา ซึ่งเป็นที่รู้จักระดับประเทศ 2.ระดับ Mid-Tier คือการว่าจ้างบุคคลสำคัญเฉพาะกลุ่มเป็น Campaign Leader ที่โดยส่วนมากจะเป็นคนที่มีชื่อเสียงรองลงมาจากพรีเซนเตอร์ 3.ระดับ Low-Tier คือการจ้างบุคคลที่มีอิทธิพลทางความคิดมาทำหน้าที่ Influencer ซึ่งอาจมีหรือไม่มีสัญญาจ้างก็ได้ โดยมักจะเป็นคนที่มีฐานแฟนเฉพาะกลุ่มของตน
อย่างไรก็ดี แต่ไม่ใช่ทุกธุรกิจจะเหมาะกับ Presenter Marketing ดังนั้นก่อนลงทุนเรื่องนี้ ผู้ประกอบการก็ต้องวางแผนให้ดี เช่น งบประมาณช้สื่อโฆษณา เนื่องจากค่าจ้างพรีเซนเตอร์มีอัตราค่อนข้างสูง ดังนั้นการนำภาพพรีเซนเตอร์ไปใช้บนช่องทางต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุดจะช่วยเพิ่มประสิทธิการสื่อสารและเพิ่มความคุ้มค่าให้กับธุรกิจ โดยการวางแผนสื่อโฆษณาควบคู่กับการใช้พรีเซนเตอร์นั้น จะแบ่งเป็น 3 ช่องทาง ได้แก่ 1.On-Air (ออนแอร์) เป็นสื่อที่เข้าถึงผู้บริโภควงกว้างและได้ผลในทันที แต่ต้องแลกด้วยค่าโฆษณาที่สูงเช่นกัน 2.Online (ออนไลน์) เป็นสื่อที่ถูกเผยแพร่ผ่านอินเทอร์เน็ต ที่เป็นช่องทางทีเข้าถึงได้รวดเร็วและเลือกกลุ่มเป้าหมายเฉพาะได้ 3.On-Ground (ออนกราวด์) ที่เป็นประเภทของสื่อนอกบ้าน เช่น ป้ายบิลบอร์ดตามสถานที่ต่าง ๆ รวมถึงกิจกรรมการตลาดที่เกิดขึ้นในสถานที่จริง โดยเน้นการมีปฏิสัมพันธ์โดยตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ทั้งสร้างประสบการณ์เฉพาะเจาะจงทำให้สร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภคได้มากขึ้น ..และนี่เป็นข้อมูลเกี่ยวกับ “Presenter Marketing” ที่การใช้กลยุทธ์นี้ “ให้ตอบโจทย์” นั้นยังคงมีข้อมูล และมีรายละเอียดอีกเยอะ เพียงแต่วันนี้พื้นหมดเสียก่อน จึงขออนุญาตยกยอดมาเล่าต่อในโอกาสต่อไป.

ศิริโรจน์ ศิริแพทย์ [email protected]