เป็นวิวาทะร้อนเมื่อนายใหญ่ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานีหาเสียง หวังทวงคืนเมืองหลวงเสื้อแดง แต่กลับไถลไปเปิดศึกกับ“ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า และพรรคประชาชน ปมการรื้อโครงสร้างทางการเมือง วันนี้ “คอลัมน์ตรวจการบ้าน” ต้องมาสนทนากับ “จตุพร พรหมพันธุ์”อดีตประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่จะมาชำแหล่ะการก้าวย่างของอดีตนายกฯ ในครั้งนี้
โดย “จตุพร” เปิดประเด็น อ่านเกมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาเคลื่อนไหวในช่วงนี้ ว่า เป็นการพยายามสื่อสารไปยังผู้มีอำนาจว่า ตัวเองยังมีความจำเป็น เป้าหมายที่แท้จริงในการลงพื้นที่ จ.อุดรธานีนั้น คำพูดหลักมีอยู่เพียงแค่ 2 ประเด็นเท่านั้น แทบจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเลือกนายก อบจ. คือ 1.ชี้ไปยัง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่เคยไปพบที่ฮ่องกอง หรือเรียกว่าดีลฮ่องกงว่าเคยเตือนอย่าไปรื้อเรื่องโครงสร้าง เป็นการอธิบายไปยังฟากฝั่งอนุรักษ์นิยมว่าเขาได้ทำหน้าที่เตือน แล้วเขาเองเท่านั้นที่จะทำหน้าที่ในการหยุดฝั่งนายธนาธรหรือฝั่งสีส้มได้
2.ถ้าไม่ฟังพี่น้องเสื้อแดงที่สีอื่นตกใส่ด้วยความเข้าใจผิด ผมกลับมาแล้ว ก็คือพร้อมที่จะสู้เช่นเดียวกัน ถ้าไม่ฟัง เป้าหมายคือต้องการจะสื่อสารไปยังศาลรัฐธรรมนูญและผู้มีอำนาจโดยเฉพาะ เพราะการตัดสินใจไปอุดรธานี ในวันที่ 13 พ.ย. เป็นการตัดสินใจหลังจากศาลรัฐธรรมนูญเลื่อนการประชุมจากวันที่ 6 พ.ย. และมีความเข้าใจว่าวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันพุธจะเป็นวันประชุมของศาลรัฐธรรมนูญ และวันนั้นยังไม่รู้ว่า ศาลรัฐธรรมนูญ จะเลื่อนไปเป็นวันที่ 22 พ.ย.
“อย่างไรก็ตามการออกมาเคลื่อนของนายทักษิณ ก็เท่ากับไปปลุกให้พรรคประชาชน ซึ่งตกเป็นรองในพื้นที่การเลือกตั้งนายก อบจ. ให้เขาลุกขึ้นมามีคะแนนที่คู่คี่สูสีกันอยู่ในขณะนี้ แม้ว่าจะเป็นรองแต่ว่าก็ตามกันในคะแนนที่มันใกล้เคียงกันมากขึ้น และถ้าโค้งสุดท้ายที่เป็นความสามารถเฉพาะตัวของซีกพรรคประชาชนอยู่แล้ว ก็เป็นเวทีที่น่าสนใจ จากเดิมที่ก่อนคุณทักษิณจะลงพื้นที่ ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยพูดง่ายๆ ว่าเขาชนะใสๆ อยู่แล้ว แต่พอหลังคุณทักษิณลงไปนั้นทำให้จะต้องเหนื่อยเป็นทวีคูณ”นายจตุพร กล่าว
ความเป็นจริงเรื่องการเลือกตั้ง อบจ.อุดรธานี ถ้าคุณทักษิณไม่ลงไปพรรคประชาชนอย่างไรก็แพ้ขาด แต่ทันทีที่คุณทักษิณลงไป มันก็ไปกระชากให้เกิดความสนใจแรงกระเพื่อม ความตื่นตัวของประชาชน และในซีกของพรรคประชาชนเขาก็กล้าที่จะสวนเรื่องจุดยืนทางการเมือง เมื่อคุณทักษิณประกาศศึกก่อน ทำให้คนเหล่านี้กล้าที่จะแลกหมัด
@เท่ากับการลงพื้นที่ของนายทักษิณกลับทำให้พรรคประชาชนมีกระแสมากขึ้น
ซีกพรรคประชาชนหรือซีก “ธนาธร” นั้น มีความจำเป็นในเรื่องของการย้ายภาพ จากเดิมที่คุณทักษิณอยู่ในบริบทของการเป็นปีศาจ แต่ว่าที่ผ่านมาคุณทักษิณก็สลัดภาพนี้ไปใส่ “ธนาธร”และในซีกฟากฝั่งตั้งแต่อนาคตใหม่ ก้าวไกล จนถึงพรรคประชาชน เพียงแต่ว่านับตั้งแต่ที่คุณทักษิณเดินทางกลับมานั้น มันมีความเสียหายกับทุกกระบวนการในชาติบ้านเมืองและสิ่งที่กำลังจะทำนั้น ก็เข้าข่ายของการทำลายชาติ
@การที่ประกาศว่าเลือกตั้งครั้งหน้าจะกวาดให้ได้200 เสียงคิดว่าทำได้ หรือไม่
เรื่องนี้จะเอาสาระอะไรกับคุณทักษิณ เพราะในการเลือกตั้งปี 2566 ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยประกาศแลนสไลด์ จัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวต้องได้ 310 เสียง ผลลัพธ์ได้มา 141 เสียง ความอยากสูญหายไปมาก จากเดิมต้องการจะได้เสียงแลนด์สไลด์ 310 วันนี้ความอยากเหลืออยู่ 200 เสียง ปัญหาก็คือว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าคุณทักษิณ ยังอยู่ในประเทศไทยหรือไม่ ณ ที่แห่งใดในประเทศไทย เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากกว่า เพราะว่าคุณทักษิณบทเวลาจะสู้ก็เหมือนกับคนขึงขัง เหมือนคนที่ประกาศสู้ตาย แต่เวลาหนีก็หนีหนักกว่าตอนสู้อีก ก็คือหนีตายเหมือนกัน
@ คิดว่าพรรคเพื่อไทยจะสามารถประคองรัฐบาลอยู่ไปจนครบเทอมหรือไม่
ครบเทอมเป็นความอยาก ทุกพรรคที่ขึ้นมาก็อยากครบเทอมทั้งนั้น “เศรษฐา ทวีสิน” อดีตนายกรัฐมนตรี อยากอยู่ครบ 4 ปี แต่ก็อยู่ได้ไม่ถึงปี เหลือ 3 ปี “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ก็ประกาศจะเป็นนายกฯ ให้ครบกำหนด ความอยากกับความเป็นจริงมันตรงกันข้ามเสมอ ดังนั้นผมว่าให้รอดต้นปีหน้าให้ได้เสียก่อน เพราะคำร้องเรื่องกรณีคุณทักษิณ เรื่องชั้น 14 เรื่องการครอบงำพรรค และยังมีไม้ตายอีกเรื่องซึ่งมันสำเร็จรูปไปแล้วคือสนามกอล์ฟอัลไพน์ ที่สถานะเป็นธรณีสงฆ์โดยสมบูรณ์ไปแล้ว ผู้ถือหุ้น 3 คนพี่น้อง คนละ 30 บุพการี 10 ลูกที่เป็นนายกฯ โอนไปให้บุพการีอีก 30 เป็น 40 ซึ่งความผิดมันสำเร็จไปแล้ว ปลายทางอยู่ได้ไม่ถึงตามความต้องการกันอยู่แล้ว ซึ่งถือเป็นอีกไม้ตายหนึ่งขยับมา ถ้าไม่ลาออกอยู่จนถึงวันวินิจฉัย หลังจากนั้นก็จะลุกลามไม่ใช่เฉพาะตัว “คุณอุ๊งอิ๊ง”แต่จะเจอกันทั้งบ้าน ดังนั้นเป็นเส้นทางที่เปราะบางที่สุด
ความเป็นจริงถ้ายังต้องการจะอยู่ไม่ได้สร้างเรื่องสร้างราวให้เกิดผลกระทบ ผมว่าปัญหาก็ไม่เกิด คุณทักษิณถ้ากลับมาเลี้ยงหลานจริง วันนี้คุณอุ๊งอิ๊งก็จะไม่อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แต่ให้ดูว่าก่อนการตัดสิน 1-2 วัน หยิบยกเรื่องคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขึ้นมาว่าจะกลับประเทศไทยก่อนสงกรานต์ นี่ไม่นับเรื่องอัยการสูงสุด ซึ่งอัยการสูงสุดและโฆษกอัยการไม่มีการแถลง แต่ใช้เป็นแหล่งข่าวหย่อนออกมา เพื่อกดดันในวันที่ 22 พ.ย. แต่อย่างไรก็ตามการทำหน้าที่ของอัยการจบลงตั้งแต่ 15 วันแรกแล้วที่ไม่ได้รับดำเนินการคำร้องของนายธีรยุทธ
@ มองการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างไร ระหว่างพรรคประชาชน เพื่อไทย และภูมิใจไทยใครจะมีภาษีกว่ากัน
การเลือกตั้งครั้งหน้ายังไกลเกินไป เหมือนเราจะประเมินพรรคประชาชน คือถ้าตอนจุดสตาร์ทพวกนี้จะดูไม่ได้เลย พวกนี้จะเป็นม้าตีนปลาย ก็เหมือนเลือกตั้งอบจ.อุดรธานี ตอนแรกตามหลังไม่เห็นฝุ่น แต่ว่าพอโค้งสุดท้ายพวกนี้ก็มีดีทุกครั้ง ไม่ว่าในนามอนาคตใหม่หรือก้าวไกล
ส่วนพรรคภูมิใจไทยเขามีระบบการจัดตั้งที่แน่นอนในกระแสที่พอดี นักการเมืองของเขาเน้นการลงพื้นที่ การบริหารการจัดการพื้นที่ ส่วนพรรคเพื่อไทยก็ผสมผสาน ปกติพรรคเพื่อไทยจะมีจุดขายก็คือเรื่องความเป็นประชาธิปไตยและการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แต่จุดยืนเรื่องประชาธิปไตยมันพังไปแล้ว ส่วนเรื่องเศรษฐกิจก็ยังไม่เห็นว่าจะมีวี่แววว่าจะฟื้น ดังนั้นในมุมมองผมก็คือว่าหนทางข้างหน้าพรรคที่ยากที่สุดก็คือพรรคเพื่อไทย แค่เรื่องตระบัดสัตย์เรื่องเดียวก็ไปยากแล้ว