เมื่อเร็ว ๆ นี้เหตุการณ์รถยนต์คันหนึ่ง ขับลักษณะปาดซ้ายปาดขวาหน้ารถของผู้ใช้ทางคันอื่น เหตุเกิดบนทางพิเศษศรีรัชฯ ศาลแขวงดุสิตพิพากษาโทษจำคุก พร้อมโทษปรับ ข้อหาขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย

ที่สำคัญยังสั่ง “ริบ” รถยนต์ของกลาง ชัดเจนว่าเรื่องนี้มีคนเดือดร้อน

โดยเฉพาะตัวผู้ขับขี่ ศาลพิพากษาจำคุก 2 เดือน ปรับ 10,000 บาท ให้การรับสารภาพ คงเหลือโทษจำคุก 1 เดือน ปรับ 5,000 บาท

โทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี , สั่งคุมประพฤติ 1 ปี , รายงานตัว 4 ครั้ง , ทำงานบริการสังคม 12 ชั่วโมง , พักใบอนุญาตขับขี่ 6 เดือน , ริบรถยนต์ของกลาง

จุดที่น่าสนใจคือ การใช้ดุลยพินิจในการขอริบรถยนต์ที่ใช้ในการกระทำความผิด หลังจากที่ก่อนหน้านี้ สำนักงานอัยการสูงสุดเคยมีหนังสือเวียน ให้พนักงานอัยการถือปฏิบัติ เพื่อแก้ปัญหาผู้ขับรถไม่เคารพกฎหมายบ้านเมือง

ทั้งนี้ เป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 ที่ระบุ ในการริบทรัพย์สิน นอกจากศาลจะมีอำนาจริบตามกฎหมายที่บัญญัติไว้เฉพาะแล้ว ให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ริบทรัพย์สินดังต่อไปนี้ด้วย คือ (1)ทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้ใช้ หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด หรือ (2)ทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้มาโดยได้กระทำความผิด

ทั้งนี้ เว้นแต่ทรัพย์สินเหล่านั้นเป็นทรัพย์ของผู้อื่น ซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด

เช่นตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4730/2564 จำเลยให้การรับสารภาพข้อเท็จจริงรับฟังยุติตามฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์ของกลางไปตามถนนพุทธรักษา อันเป็นทางสาธารณะในขณะเมาสุราและขับรถย้อนศรสวนทิศทางการเดินรถไม่เป็นไปตามทิศทางที่กำหนดไว้ อันเป็นการขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย หรือความเดือดร้อนของผู้อื่นที่สัญจรไปมาบนถนน

รถยนต์ของกลางจึงถือเป็นทรัพย์สินที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดตามฟ้องของอัยการโจทก์โดยตรง อันพึงริบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33

หรืออีกตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7741/2560 จำเลยขับรถตู้โดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว ลักษณะกีดขวางการจราจร ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความเดือดร้อนของผู้อื่น ขับแซงด้านซ้ายประกบลักษณะเบียดชิดรถอื่น และห้ามล้อทันทีลักษณะประมาทหรือน่าหวาดเสียว อาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน

จากนั้นเปลี่ยนช่องเดินรถไปช่องทางเดินอื่นระยะกระชั้น และห้ามล้อทันทีลักษณะกีดขวาง จนรถยนต์ผู้เสียหายไม่สามารถแล่นตรงไปข้างหน้าตามปกติ จำเลยยังนำสิ่งเทียมอาวุธปืนที่มี ถือโดยเปิดเผยเดินตรงไปรถผู้เสียหายซึ่งไม่สามารถแล่นต่อไปได้ มีการพูดขู่เข็ญ เป็นเหตุให้เกิดความกลัวและตกใจ

พิจารณาพฤติการณ์โดยตลอดแล้ว เป็นการกระทำที่สร้างความวุ่นวายและตระหนกตกใจขึ้นในที่สาธารณะอันทำให้สุจริตชนได้รับอันตราย รถตู้ของกลางที่จำเลยใช้เป็นยานพาหนะจึงเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดโดยตรงเช่นกัน ประกอบการกระทำที่ไม่นำพาต่อกฎหมายบ้านเมือง และก่อให้เกิดผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม พฤติการณ์แห่งคดีมีเหตุสมควรรับรถตู้ของกลาง

จากแนวคำพิพากษาที่เคยเกิดขึ้น และคำตัดสินคดีล่าสุด ชัดเจนว่าอาการหัวร้อนบนท้องถนน และพฤติกรรมขับขี่แย่ ๆ แม้อาจยังไม่ได้สร้างความเสียหาย แต่เล็งเห็นว่าอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัย ความเดือดร้อนแก่ทรัพย์สินหรือชีวิตของผู้อื่น กฎหมายเปิดช่องให้ “ริบ”รถเป็นของกลางได้ และมีการบังคับใช้กฎหมายจริง.

ทีมข่าวอาชญากรรม รายงาน

[email protected]