หลักฐานพบว่า อายุเฉลี่ยของการเสพติดบุหรี่ อยู่ที่ 17-18 ปี และมีน้อยมากที่เริ่มสูบบุหรี่หลังอายุ 25 ปี
เอกสารลับของบริษัทบุหรี่ ที่เปิดเผยโดยศาลในสหรัฐอเมริกา พบว่า บริษัทบุหรี่พุ่งเป้าการตลาดไปที่เด็กและเยาวชน ดังตัวอย่าง
“ฐานการทำธุรกิจของบริษัทเราอยู่ที่นักเรียนระดับมัธยมปลาย” (บริษัทบุหรี่ ลอริลลาร์ด ปีพ.ศ. 2521)
“พฤติกรรมการสูบบุหรี่ในหมู่เยาวชนหญิง จะช่วยรักษาระดับการเริ่มสูบบุหรี่ต่อไปได้ ผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องของอุบัติการณ์ที่ผู้หญิงสูบบุหรี่” (บริษัท บริติช อเมริกัน โทแบคโค ปีพ.ศ.2522)
“ถ้าบริษัทบุหรี่หยุดทำการตลาดที่พุ่งเป้าที่วัยรุ่น บริษัทจะต้องเลิกกิจการในเวลา 25-30 ปี เพราะจะไม่มีลูกค้าพอที่บริษัทจะอยู่ได้” (เบนเนท ลีโบว เจ้าของบุหรี่ชื่อดังหลายยี่ห้อ)
“เราได้รับการติดต่อจากลูกค้า ให้ออกแบบซองบุหรี่ที่ดึงดูดวัยรุ่น ซองจะต้องเตะตาวัยรุ่น” (ฟิลลิป กาเบอร์แมน ครีเอตีฟของ โรเบริต แอสโซซิเอจ)
การสูบบุหรี่เริ่มต้นขณะเป็นวัยรุ่น รศ.นพ สุริยเดว ทรีปาตี อธิบายว่า ฮอร์โมนเพศในวัยรุ่นอายุ 12-18 ปี ทำให้สมองส่วนที่ตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้น ยั่วยุอารมณ์ (สมองส่วนอารมณ์ Limbic System) จะมีความไวเป็นพิเศษ ทำให้สมองส่วนที่จะยับยั้งการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นเหล่านี้มีประสิทธิภาพที่จะยับยั้งได้ยากมาก
อีกทั้งวัยรุ่นอายุ 12-14 ปี มีฮอร์โมนที่ทำให้วัยรุ่น ต้องการการยอมรับจากเพื่อนเพิ่มมากขึ้น (Oxytocin ; Peer Acceptance) ซึ่งเป็นช่วงที่หลั่งสูงสุดในวงจรชีวิต มีความกล้าได้ไม่กลัวเสีย ลองผิดลองถูก ท้าทายกับสิ่งแปลกใหม่
ทำให้วัยรุ่นรับพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆได้ง่าย เกินความสมารถของสมองส่วนที่จะยับยั้ง ซึ่งจะค่อยๆพัฒนาจนเต็มที่เมื่ออายุมากกว่า 20 ปีขึ้นไป
ผู้ใหญ่ที่ไม่สูบบุหรี่ จึงมีน้อยมากที่จะมาสูบบุหรี่ไฟฟ้า เพราะมีความยั้งคิด คิดได้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ใช่พฤติกรรมปกติ ขณะที่คนที่สูบบุหรี่มวนอยู่แล้ว ส่วนหนึ่งเท่านั้นที่มาสูบบุหรี่ไฟฟ้า
วัยรุ่นจึงเป็นเป้าหมายหลักของบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะวัยรุ่นหญิงไทย ที่สูบบุหรี่มวนน้อยมาก
ใครที่มีลูกสาวหลานสาว จึงต้องระวังเป็นพิเศษ ไม่ให้ไปเสพติดบุหรี่ไฟฟ้า ที่เสี่ยงจะเสพติดไปตลอดชีวิตนะครับ
ข้อมูลจาก ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
นายแพทย์สุรพงศ์ อำพันวงษ์