หลังจากมีกระแสกดดันไม่เอา “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” อดีตรองนายกรับมนตรี ตามที่กระทรวงการคลัง เป็นผู้ส่งชื่อไปให้คณะกรรมการที่ มี “สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์” เป็นประธานคณะกรรมการคัดเลื
การเลื่อนการตัดสินครั้งแรก เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 ต.ค. 67 ที่ผ่านมา โดยคณะกรรมการคัดเลือกฯขอขยายระยะเวลาออกไป โดยให้เหตุผลว่า เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลเพื่อให้การพิจารณาคัดเลือกมีความรอบคอบที่สุด
ขณะที่การเลื่อการตัดสินครั้งที่ 2 เกิดขึ้นในช่วงเช้าของวันที่ 4 พ.ย.67 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเลื่อนก่อนหน้าที่บรรดาคณะผู้คัดค้าน ทั้งตัวแทนเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และกองทัพธรรม จะเดินทางไปยื่นหนังสือคัดค้านที่แบงก์ชาติด้วยซ้ำไป
การเลื่อนรอบนี้ ยังใช้เหตุผลเดิม คือ ต้องใช้เวลาในการพิจารณาข้อมูลอย่างรอบด้านครบถ้วนเพื่อให้การประชุมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
คณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้ขอเลื่อนการประชุมในรอบนี้ออกไปเป็นวันนี้ (11 พ.ย.67) ที่ก็น่าเชื่อได้ว่า ไม่น่าจะเลื่อนอีกเป็นครั้งที่ 3 อีกแต่อย่างใด!!
เพราะ “สถิตย์” ประธานคณะกรรมการคัดเลือก มีกำหนดการมาพูดคุยกับสมาชิกผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจในหัวข้อ”เก้าอี้ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ สำคัญไฉน” ในช่วงบ่ายของวันที่ 12 พ.ย.นี้
ขณะเดียวกัน “สถิตย์” ก็ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า วันที่ 11 พ.ย.นี้ ถือเป็น “วันธงไชย” ดังนั้นคงไม่มีการเลื่อนการประชุมฯ ออกไปอีกแน่นอน
อย่างที่รู้กันว่า… การเลื่อนการตัดสินคัดเลือกประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่ เป็นเพราะแรงคัดค้านที่ไม่ต้องการอดีตรองนายกรัฐมนตรี โดยมีสารพัดเหตุผล
ขณะเดียวกันการคุมเสียงคณะกรรมการคัดเลือกฯ ก็ไม่ได้เบ็ดเสร็จแบบเป็นเอกฉันท์ แถมสัญญาณทางการเมืองก็ไม่ชัดเจน จนมีรายชื่ออื่นนำเสนอออกมาแทน
โดยเฉพาะรายชื่อของ “พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์” อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ที่เป็นลูกหม้อมาจากกระทรวงการคลัง โดยตรง ขณะที่รายชื่อที่เสนอโดยแบงก์ชาติ ยังคงเป็น “กุลิศ สมบัติศิริ” และ “สุรพล นิติไกรพจน์”
ทั้งนี้คณะกรรมการคัดเลือกฯ ประกอบไปด้วย 1.นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง 2.นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ 3.นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี อดีตปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม
4.นายวรวิทย์ จำปีรัตน์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ 5.นายอัชพร จารุจินดา อดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา6.นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา อดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
และ 7.นายสุทธิพล ทวีชัยการ อดีตเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)
ที่ผ่านมา ในคณะกรรมการคัดเลือกฯ พบว่า มีการลงคะแนนเลือก “กิตติรัตน์ ” 3 เสียง เลือก “กุลิศ ” 2 เสียง อีก 2 เสียง ที่เหลือ ยัง 50:50
พูดง่ายๆ ว่า ไม่อยากเสี่ยง เพราะ “กิตติรัตน์” มีจุดอ่อนเรื่องของภาพพจน์มาจากฝ่ายการเมือง เคยเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย และที่ปรึกษาของนายกฯเศรษฐา ทวีสิน
ไม่เพียงเท่านี้!! อีกทั้งมีปมคดีจำนำข้าว ที่ล่าสุด คณะกรรมการคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ได้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดฟื้นคดีระบายข้าวบูล็อก
อย่างไรก็ตาม”พิชัย ชุณหวชิร” ขุนคลัง ชี้ชัดว่า จะมีการเปลี่ยนรายชื่อ จาก “กิตติรัตน์” มาเป็น “พงษ์ภาณุ ” หรือไม่ ตนเองไม่ทราบได้ เพราะต้องไปถามกระทรวงการคลัง ส่วนจะเลือกใคร ก็ต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการคัดเลือกฯ
เอาเป็นว่า…มารอลุ้นกันอีกครั้งว่าเก้าอี้ประธานบอร์ดแบงก์ชาติจะไปตกอยู่ที่ใครกันแน่!! พร้อมพิสูจน์ฝีมือกันไปด้วยว่า..ฝ่าย “การเมือง” กับฝ่าย “อีลีท” จะยอมรอมชอม หรือยอมหักไม่ยอมงอต่อไปเรื่อย ๆ
เพราะที่ผ่านมาก็มีบทเรียนที่ชี้ให้เห็นแล้วว่า ต่อให้ฝ่ายการเมืองมาเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ สุดท้าย!! ก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน!!
……………………………………….
คอลัมน์ : เศรษฐกิจจานร้อน
โดย “ช่อชมพู”