สังคมไทยทุกวันนี้ นับวันเราจะอยู่ยากขึ้นไปทุกวัน สารพัดกลโกงออกอาละวาดเจอขบวนการต้มตุ๋น มีทั้งแชร์ลูกโซ่แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์หมอดูฮวงจุ้ยลวงโลก แถมยังมีหมอความหลอกลูกความเรียกได้ว่าเฮี้ยนยิ่งกว่าผีหลอกคนเสียอีก ทำเอาคนไทยไม่รู้ จะหันหน้าไปพึ่งใคร

การเมืองไทยก็เช่นกันสารพัดเรื่องตบเท้าเข้ากระหน่ำใส่ “รัฐบาลแพทองธาร”ขนาด “นายกฯอิ๊งค์” น..แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พาลูกวิ่งเล่นหน้าตึกไทย ยังถูกโลกโซเชียลถล่มยับ ยังไม่รวมเรื่องร้อนๆที่โหมกระหน่ำใส่จนแทบโซซัดโซเซ

แม้ “นายกฯอิ๊งค์” จะหลบร้อนตะลอนประชุมต่างประเทศตลอดเดือนพฤศจิกายน โดยระหว่างวันที่ 6-7 พฤศจิกายน เข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ 8 และการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ครั้งที่ 10 (ACMECS ) ที่นครคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน

จากนั้นนายกฯ เป็นประธานการประชุมเตรียมการเดินทางเยือนนครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา และการเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 31 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ระหว่างวันที่ 10-18 พฤศจิกายน

ใส่ชุดไทยโชว์ซอฟต์พาวเวอร์ เฉิดฉายบนเวทีโลก แต่ความร้อนแรงของโจทย์ร้อนไม่ได้ลดลง ยังเจอศึกโหมกระหน่ำต่อเนื่อง หากจับชีพจรตอนนี้ออกอาการจับไข้หนาวๆร้อนๆ

และเรื่องร้อนตอนนี้ก็เป็นเรื่องของเกมการแก้แค้น จากคนบ้านป่ารอยต่อที่บรรดาพลพรรคพลังประชารัฐออกมาจุดกระแสชาตินิยม เปิดประเด็น MOU 44 บันทึกความเข้าใจระหว่างราชอาณาจักรไทย-กัมพูชา เกี่ยวกับการอ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทย  พ.ศ.2544 (MOU 2544) ตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย.52 ที่ยังมีผลผูกพันทางกฎหมายจนถึงปัจจุบัน 

จี้ให้ยกเลิกMOU44 หากไม่ยกเลิกประเทศมีโอกาสเสียเกาะกูด จึงกลายมาเป็นประเด็นไฟร้อนเขย่าบัลลังก์ตึกไทยคู่ฟ้า

จน “นายกฯอิ๊งค์”ต้องเรียกรวมพลแกนนำพรรคร่วมประชุมด่วน ก่อนตั้งโต๊ะแถลงยันชัดเกาะกูดเป็นของไทย ลั่นรัฐบาลรักษาแผ่นดินไทยเต็มที่ ไม่ยอมเสีย ให้ใครแม้แต่ตารางนิ้วเดียว เอ็มโอยู 44 ไม่เกี่ยวกับเรื่องดินแดน แค่ 2 ประเทศลากเส้นแบ่งพื้นที่ผลประโยชน์ในทะเลไม่ตรงกัน เอ็มโอยูจึงเป็นช่องทางในการเจรจาระหว่าง 2 ประเทศต้องมีคณะทำงานขึ้นมาพูดคุยกัน

ตอนนี้คณะกรรมการของกัมพูชามีอยู่แล้ว ของเราเมื่อเปลี่ยนรัฐบาล ต้องเปลี่ยนคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค (JTC) ไทย-กัมพูชาด้วย โดยสมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ก็มีคณะกรรมการ JTC โดยตั้งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง เป็นหัวหน้าคณะในการเจรจา

นายกฯอิ๊งค์”ย้ำชัดรัฐบาลเดินหน้าเอ็มโอยูแน่นอน ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดตั้งคณะกรรมการJTC โดยจะมีกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพลังงานมาช่วยกัน เมื่อเสร็จแล้วจะได้ศึกษาและพูดคุยกันว่าระหว่าง 2 ประเทศตกลงกันอย่างไร ในการจัดสรรสัดส่วนด้านพลังงาน

ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศต้องเรียกสื่อทำความเข้าใจโดยให้ “นิกรเดช พลางกูร”อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ  “สุพรรณวษา โชติกญาณ ถัง” อธิบดีกรมสนธิสัญญา และกฎหมาย ออกมาอธิบายถึงเขตทางทะเลประเภทต่างๆ และกฎหมายระหว่างประเทศ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ.1982

รวมทั้งชี้แจงที่มาของ OCA ระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งมีขนาดประมาณ 26,000 ตารางกิโลเมตร ที่เกิดจากการประกาศเขตไหล่ทวีปในอ่าวไทยของทั้งไทย และกัมพูชา โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะแก้ไขปัญหาร่วมกันผ่านการจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ไทย และกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2544 หรือที่เรียกกันว่า MOU 254

เพิ่มเติมพลพรรคเพื่อไทยตบเท้าชี้แจงแบบไฟลุกย้อนศรไปถึง “ลุงป้อม” พล..ประวิตร  หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐสมัยเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงในรัฐบาลพล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ “ลุงป้อม” นั่งคณะกรรมการด้านเทคนิคไทยกัมพูชา (JTC ) และเคยไปเจรจากับกัมพูชามาแล้วเหตุใดไม่แก้ปัญหา หรือยกเลิกไปตั้งแต่ตอนนั้นจะมาเรียกร้องอะไรตอนนี้ ชี้แผนนี้เป็นการปั่นกระแสการคลั่งชาติล้ม “รัฐบาลแพทองธาร”

ล่าสุด ‘หมอวรงค์’ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี ลงพื้นที่เกาะกูด ประกาศล่า 1 แสนรายชื่อ ยกเลิกเอ็มโอยู 44 หวั่นเสียดินแดนในอนาคต

ต้องจับตาว่าการเจรจาผลประโยชน์จะยึดประโยชน์ของประเทศหรือยึดประโยชน์เพื่อนสนิทของ “คุณพ่อทักษิณ” และถ้าพลาดท่าเสียทีทำให้ประเทศเสียผลประโยชน์แม้แต่บาทเดียวรัฐบาลคงไม่มีที่ยืน

สถานการณ์รัฐบาลตกอยู่ในสภาพที่ถูกหวาดระแวงอย่างที่“ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก” กรรมการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง ออกมาชี้ ว่า “ปัญหาสำคัญ คือ คนไม่ไว้เนื้อเชื่อใจรัฐบาลนี้เลยไม่คิดปล่อยให้คุณไปเจรจาภายใต้ MOU 44 ที่เนื้อในมีปัญหา สมมุติประชาชนเชื่อใจรัฐบาลเพราะเห็นไม่มีนอกมีใน ต่อให้ MOU มีปัญหา ก็เชื่อว่า ประชาชนก็จะบอกว่าไม่เป็นไร รัฐบาลจะช่วยเจรจาให้เราได้อยู่แล้ว”

นอกจากเรื่องนี้แล้วยังมีเรื่องร้อนหลอนพรรคเพื่อไทย คือ สงสัยประเด็นนายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้า “ทักษิณ ชินวัตร” ได้รักษาตัวชั้น 14 สมัยเป็นนักโทษ “ทักษิณ”พ่นพิษ

โดนพล...เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ออกมาปล่อยหมัดเด็ด พร้อมป่าวประกาศว่าได้ไปให้ปากคำกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มาแล้ว ปมสงสัยว่า “ทักษิณ” ป่วยจริงหรือป่วยทิพย์ จนเจ้าหน้าที่ป.ป.ช.ได้หน้าขอเวชระเบียนประวัติการรักษาจากโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมชี้เป้าให้ป.ป.ช.เรียก พล...สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผบ.ตร.มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม เพราะเคยไปหา ทักษิณที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่ง “บิ๊กโจ๊ก”บอกแล้วพร้อมให้ข้อมูลถ้าป.ป.ช.เรียก

จึงเป็นเกมร้อนให้คณะกรรมาธิการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฏร ที่มี “รังสิมันต์ โรม” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธาน กัดติด ส่งเทียบเชิญบิ๊กๆ และหน่วยงานที่รับผิดชอบมาให้ข้อมูล

ไล่บี้ดูไทม์ไลน์ทั้งหมด  พบว่า ‘ทักษิณ’ เช็คอาการแค่ 4 นาที อีก17 นาทีเดินทางไป ‘รพ.ตำรวจ’ รวมใช้แค่21นาที  หน่วยงานโยนเผือกร้อนกันไปมา จนเกิดอาการงง ตกลงอำนาจใครไฟเขียวไปนั่งแท่น ‘เทวดาชั้น14’  ทำข้องใจ ‘ทักษิณ’ มีเอี่ยวสวมบทบาทตบตา ‘ป่วยทิพย์’ ปั่นหัวจนท.รัฐจนได้ผล โอดตั้งแต่ทำงานมาเคสนี้ ‘พิศวง’ ได้รับความร่วมมือน้อยสุด แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีผลสอบของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมาการันตียืนยันได้ว่า“ทักษิณ”ได้รับการรักษาดีกว่ารายอื่นๆ

คงต้องจับตาดูว่าเกมนี้ “ทักษิณ”จะหาวิธีดิ้นหลุดร่างแหได้อย่างไร เพราะดูแล้วเจ้าตัวก็โนสนโนแคร์ ลงพื้นที่เติมบุญทอดกฐิน พร้อมตะลอนลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานี ช่วยหาเสียงให้กับการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายกอบจ.)

พร้อมกันนี้ยังมีเรื่องค้างคากับปมการเมือง ที่4 อดีตผู้ว่าแบงค์ชาติ ผนึกกำลังนักวิชาการ 277 คน ออกมาคัดค้านคนการเมืองนั่งประธานบอร์ดแบงค์ชาติ จนต้องมีการรีเซ็ทขยับเลื่อนการประชุมออกไปวันที่ 11 พฤศจิกายน

นอกจากนี้ยังมีวงล้อมอีกอัน คือ วงล้อม “นิติสงคราม”กับสารพัดคดีร้อนเพิ่มเติมอีกหลายคดีหลัง “นายกอิ๊งค์”ยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช. บรรดานักร้องก็จองกฐินกันเพียบพร้อมส่งคดีเข้าใส่ยังรัวๆ

แต่ถึงอย่างไร“รัฐบาลแพทองธาร”ก็ยังเดินหน้าโครงการต่างๆทั้ง“เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ซึ่งเป็นโปรเจ็กต์เรือธงของรัฐบาล แต่มีกาสิโนร่วมอยู่ในนั้นด้วย นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แย้มเตรียมตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน เตรียมระดมทุนจากนักลงทุน 2-3 แสนล้านบาท เพื่อซื้อสัมปทานรถไฟฟ้าคืนจากภาคเอกชน

ท่ามกลางวิกฤติศรัทธา ทุกย่างก้าวของรัฐบาลต้องถูกจับตา ถูกจับจ้องจากสายตาประชาชนเหมือน เมื่อใดที่มองข้ามผลประโยชน์ประเทศชาติ และหากผลประโยชน์กลับไปตกอยู่ในมือนายทุน ประชาชนไม่ให้อภัยอย่างแน่นอน.