กรณีอ้างถูก“หมอดู”ชื่อดังหลอกทำพิธีปรับฮวงจุ้ยบ้าน โรยพระผงกระดูกผี ซื้อสิงห์ ศาลพระภูมิ กิเลน โดยเฉพาะหินแกะสลักศักดิ์ นำเข้าจากเมืองจีนที่มีราคาสูงถึง 38 ล้านบาท โดยผู้เสียหายเป็นผู้สูงอายุ สูญเงินรวมประมาณ 66 ล้านบาท

ก่อนที่ต่อมาจะปรากฎผู้เสียหายเข้าแจ้งความเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยมีทั้งที่ต้องการให้ทำพิธีปรับฮวงจุ้ยบ้าน โรงงาน และสถานประกอบการ การให้ซื้อวัตถุมงคลต่างๆ

แม้ไล่เรียงรายการสั่งซื้อสิ่งของ และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ โดยเฉพาะของผู้สูงอายุที่แสดงตัวเข้าแจ้งความจนเป็นข่าวดังที่โอนไปกว่า 60 ล้านบาท คนทั่วไปอาจรู้สึกเป็นเงินมหาศาล แต่สำหรับผู้ที่“ตั้งใจ”ว่าจะแก้ไขจุดบกพร่องที่ถูกทายทัก ทำให้เกิดสิ่งดี ปั่นเป่าสิ่งไม่ดี ซ้ำให้ความมั่นใจในตัวผู้ทำพิธีที่เลือกแล้ว และมีกำลังทรัพย์มากเพียงพอ

จำนวนเงินอาจไม่ใช่ปัญหาหลักในการเดินหน้าตามความเชื่อนั่น หากทุกอย่างเป็นไปตามที่ตกลง

กระทั่งเกิดเหตุการณ์ให้สงสัย หลังของที่สั่งไปยังไม่สามารถดำเนินการได้ตามที่แนะนำ ซ้ำเงินที่จ่ายไปก็มีมูลค่ามาก และลำพังการทวงถามไม่เป็นผล

ในเรื่องนี้“ทีมข่าวอาชญากรรม” สอบถามมุมมองจาก นายจตุรงค์ จงอาษา นักวิชาอิสระด้านพระพุทธศาสนา ถึงกรณีที่เกิดขึ้น ไปจนถึงข้อแนะนำความเชื่อ เพื่อไม่ให้ถูกหลอก ท่ามกลางยุคสมัยที่มีหลากหลายศาสตร์ให้เลือกศึกษา ศรัทธา และจำนวนไม่น้อยอาจต้องแลกความสบายใจด้วยเงินทอง

นายจตุรงค์ สะท้อนจากราคาที่หมอดูชื่อดังใช้ในการปรับฮวงจุ้ยนั้นสูงเกินไปมาก และหากมีเงินขนาดนี้ก็มองว่าควรบินไปเมืองจีน พร้อมตั้งข้อสังเกตการเรียกราคาสูงหลายล้านบาทนั้น ราคาตลาดส่วนใหญ่ไม่น่าจะเกิน 200,000 บาท ซึ่งหากได้บินไปเมืองจีนเอง จะสั่งทำรูปแบบใด หรือขนาดใหญ่แค่ไหนก็ได้

อย่างไรก็ตาม เข้าใจว่าหมอดูคงไม่อยากเปิดความลับทางการค้า แต่หากคิดค่าดำเนินการต่างหาก ก็ควรพาผู้เสียหายบินไปดูด้วยตนเอง เพื่อให้จ่ายค่าดำเนินการ

หากทำแบบนี้ ตัวหมอดูน่าจะบริสุทธิ์ใจมากกว่าการบวกเพิ่มเงินเยอะ ๆ”

ทั้งนี้ ตั้งข้อสังเกตหากจะว่าผิดเลยหรือไม่ว่า ขึ้นอยู่กับว่าหมอดูคนดังจะสามารถหาของมาให้กับผู้เสียหายได้หรือไม่ หากสามารถหามาได้ก็ไม่ผิดและก็เป็นกฎหมายแพ่ง แต่การไม่ส่งของเลยกลายเป็นอาญาและฉ้อโกง

พร้อมเผยหมอดูคนดังควรหาของมาส่งให้ได้ ส่วนใดที่มีการสัญญากับกลุ่มผู้เสียหายไว้ก็ควรทำจริงๆ แต่ปัญหาที่ผู้เสียหายมาออกรายการต่างๆ เพราะไม่มีของมาให้ และไม่มีการดำเนินการใด ๆ โดยแนะนำผู้เสียหายเข้าแจ้งความไว้และควรพูดคุยกับทนายความที่มีความรู้เรื่องศาสนา

นายจตุรงค์ ยังเสนอว่าในบรรดาหมอดู หรือผู้ทำพิธี ควรมีสมาพันธ์ในรูปแบบที่เหมือนสภาทนายความ จะได้มีการกำกับ ควบคุม ดูแล และวางกติกาให้ชัดเจน แต่ขณะนี้หมอดูและผู้พยากรณ์ต่างๆ ไม่ได้มีกลุ่มสมาคม ทำให้ลำบากที่จะควบคุม เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยมีตัวสมาพันธ์เป็นตัวกลางในการจัดการ

หากใครจะดูฮวงจุ้ย หรือซื้อปี่เซียะ อยากให้เช็คราคาค่าสิ่งของ ค่าทำพิธี ในอินเตอร์เน็ตทุกอย่างสามารถเช็คได้ ยิ่งชิ้นใหญ่ยิ่งเช็คง่าย อย่างค่าทำพิธี อยากให้เช็คข้อมูลก่อนตัดสินใจ ไม่ใช่มองว่าตัวผู้ทำพิธีดูน่าเชื่อถือแล้วจะตัดสินใจที่จะทำเลย ไม่อย่างนั้นอาจตกเป็นเหยื่อได้” นายจตุรงค์ ทิ้งท้าย

ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่ ความเชื่อเป็นเอกสิทธิแต่ละคนก็จริง แต่จะดีกว่าหากตั้งอยู่บนพื้นฐานความเหมาะสม และชั่งใจถึงมิติอื่นๆประกอบ เพื่อไม่ให้ถูกหลอกตกลงหลุมพรางผู้ที่อาจอาศัยความเชื่อแอบแฝง.

ทีมข่าวอาชญากรรม รายงาน

[email protected]