สร้างความตื่นเต้นให้คอหนังไทยอย่างมากมายหลัง เนรมิตรหนัง ฟิล์ม เปิดตัวโปรเจ็คท์ใหญ่รับต้นปีด้วยภาพยนตร์เรื่อง วัยหนุ่ม 2544”ภาพยนตร์เรื่องใหม่จากผู้กำกับมากฝีมือ “พุฒิพุฒิพงษ์ นาคทอง” ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภาพยนตร์ไทยระดับปรากฏการณ์อย่าง 4KINGS ทั้งสองภาค ร่วมด้วยนักแสดงนำอย่าง เป้อารักษ์ อมรศุภศิริ, จ๋ายอิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมีนัทณัฏฐ์ กิจจริต, เบนจามิน โจเซฟ วาร์นี, ท็อปทศพล หมายสุข, เอมภูมิภัทร ถาวรศิริ, ต๊อบสหัสชัย ชุมรุม , ต้น อรุณพงศ์ เป็นต้น

โดยงานนี้หลังมีการบวงสรวงภาพยนตร์ไป ก็ทำเอาหลายคนอยากรู้หนักมากว่าเรื่องราววัยหนุ่มเป็นอย่างไรและจะนำเสนอออกมาในรูปแบบใดอย่างไร งานนี้ “yimyim” ไม่พลาดคว้าตัวนักแสดงอย่างอย่าง นัท , เบนจามิน , ต้น , ท็อป , เอม และ พุฒิ ผู้กำกับ มาพูดคุยถึงการทำงานเรื่องนี้กันแล้ว ไปอ่านกันเลยจ้า

ในภาพยนตร์เรื่อง “วัยหนุ่ม 2544” แต่ละท่านรับบทเป็นใครกันบ้าง?

นัท “ผมนัท-ณัฏฐ์ กิจจริตในเรื่องรับบทเป็น สุภาพ สีเผือก”

ต้น “ผมรับบทเป็น กร ครับ”

เบนจามิน “รับบทเป็น กอล์ฟ”

ท็อป “รับบทเป็น บอย ครับ”

เอม “รับบทเป็น ฟลุ๊ค ครับ”

เรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าถึงอะไร?

พุฒิ “เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มคนนึงที่พลาดเพียงชั่ววินาทีเดียวแล้วก็เข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำ”

ท็อป “หลังจากนั้น ตัวละคร สุภาพ สีเผือก จะพาทุกคนเข้าไปดูว่าเรื่องราวแค่นี้มันมีอะไรเยอะกว่านั้น”

นัท “ผมว่ามันคือการรับผิดชอบต่อทางแยกที่เราเลือกผิดไปตั้งแต่วินาทีนั้นไปจนหนังจบ ผมว่าตัวละคร สุภาพ สีเผือก ก็ใช้ชีวิตอยู่บนพื้นฐานว่าเราต้องรับผิดชอบต้องเอาตัวรอดยังไงต่อการที่เราถูกส่งเข้าไปในเรือนจำ ในทัณฑสถานไปเจอกับตัวละครที่อยู่ในนั้นอยู่แล้ว มันก็จะมีระบบมีวัฒนธรรมหลายๆอย่างที่ต้องค่อยๆเก็บรายละเอียด ผมว่าเป็นความพิเศษของหนัง ที่หนังพาเข้าไปใกล้เคียงกับโลกเสมือนจริงของเรือนจำ”

มีการเตรียมตัว หรือ ทำการบ้านเพิ่มเติม ยังไงบ้าง?

นัท “ในส่วนของผม ผมมองตัวเองว่าผมเตรียมตัวได้ปกติที่สุดเพราะผมเป็นตัวละครธรรมดาที่เมื่อเรื่องมันเริ่มดำเนินแล้ว ผมถึงตัดสินใจพลาดแล้วโดนส่งเข้าไป แต่อย่างตัวละครของพี่ท็อปหรือพี่เบนในมุมของผมน่าจะมีความยากมากกว่าเพราะว่าเป็นตัวละครที่อยู่ในนั้นอยู่แล้ว พอเดินทางเข้าไป ทุกคนก็จะค่อยๆเห็นรายละเอียดต่างๆ”

เบนจามิน “พี่พุฒิเขามีการจัดทริปเหมือนเป็นทัศนศึกษา ให้ไปหาพี่คนนี้ แล้วผมก็ไปเอาข้อมูล ตรงนั้นจากการที่ได้ไปเจอพี่เขา แล้วเดี๋ยวนี้โซเชียลก็กว้างเราก็สามารถหาข้อมูลได้ตามชาแนลต่างๆ สนุกมากครับ โซเชียลเป็นเหมือนห้องสมุด ผมก็ออกแบบตัวละครตามที่ผมอยากจะทำครับ”

ท็อป “ผมว่าขั้นตอน กระบวนการตรงนี้สำคัญมากในการรีเสิร์ช ในฐานะนักแสดง สิ่งนี้เป็นสิ่งท้าทายตื่นเต้นเอ็นจอยไปกับมัน มันสนุกสำหรับการทำงาน แต่เรื่องราวที่เล่า มันค่อนข้างซีเรียส หลายคนสงสัยว่าทำไมเราต้องทำสิ่งนี้ด้วย มันน่าชมหรอ น่าฟังหรอ น่าขยายความหรือยังไง ผมว่าเรื่องนี้มันน่าทำมากๆ มันเป็นบริบทที่มีอยู่ในสังคมและไม่ค่อยมีใครได้ออกมาพูด ถึงเรื่องราวความเป็นจริงที่ใกล้เคียงมากว่าหลังจากนี้คุณจะต้องเจออะไร ถ้าคุณเจอทางแยกในการตัดสินใจ แล้วคนที่ตัดสินใจพลาดแล้วจริงๆเขารู้สึกยังไง เขามีวิธีการใช้ชีวิตยังไงบ้างหลังจากนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีใครพูด จนมายุคนี้ ก็มีบ้างส่วนหนึ่งแต่เป็นการเล่าผ่นพี่ๆที่เป็นอดีตผู้ต้องขัง แต่ว่าเรื่องจริงในนั้นที่เขาไม่ได้อยากเล่าทั้งหมด หรือว่าเราอยากยกตัวอย่างสักอันหนึ่งเพื่อให้สังคมได้รู้ว่ามันมีสิ่งนี้อยู่นะ แล้วก็อยากทำให้เรื่องราวที่เล่าออกไปมันจริงที่สุด ทุกคนต้องรับผลจากการกระทำของตัวเองแล้วมันก็ไม่ได้ง่ายเสมอไปที่คุณจะผ่านจุดนั้นมาได้โดยที่ไม่มีอะไรติดออกมาเลย”

ทำไมถึงตัดสินใจทำเรื่องนี้?

พุฒิ “จริงๆผมอยากทำโปรเจกต์นี้ มาตั้งแต่เร่ขาย 4kings ภาคแรกแล้ว คือพอเราขาย 4kings ภาคแรกไม่ผ่านปุ๊บ ผมก็เขียนโปรเจกต์นี้ขึ้นมาไปขายแต่ก็ไม่ผ่าน แต่สิ่งที่ผมอยากทำก็คือผมอยากเล่าเรื่องของเด็กหนุ่มคนนึง ที่เขากระทำความผิดแล้วต้องเข้าไปชดใช้กรรมข้างในนั้น ว่าเราต้องเจออะไรบ้าง แรงบันดาลใจคือผมมีรุ่นพี่ที่อนยู่แถวบ้านคือเขาเข้าไปอยู่ในนั้นพออกมาปุ๊บเขาออกมาขายหมูปิ๊ง แต่หมูปิ้งของเขาไม่ค่อยมีคนซื้อเพราะคนไปตีตราเขา ผมเคยได้ยินคนพูดว่า อย่าไปซื้อเลยหมูของคนคุก มันจะใส่อะไรลงไปข้างในหรือเปล่าก็ไม่รู้ประมาณนี้ เขาก็เลยท้อแท้กับชีวิตสุดท้ายก็กลับไปวงจรเดิม จากขายหมูปิ้งก็กลับไปขายยาเหมือนเดิม”

ท็อป “เราไม่ได้จะพูดว่าการกระทำความผิดมันน่าทำ เรากำลังพูดถึงช้อยส์ในชีวิตที่จะให้เขาเลือกเพื่อความอยู่รอด เคยเจอเคสที่เราไปกับพี่พุฒิ แล้วเราถามเขาว่าทำไมถึงทำอย่างนี้ เขาบอกว่าถ้าไม่ทำแล้วจะให้เขาอยู่กินยังไง ลูกเขาจะไปโรงเรียนยังไง มันก็มีเหตุผล ถ้ามีคนในสังคมถามว่าอาชีพมีตั้งเยอะแยะทำไมต้องมาทำอันนี้ด้วย ก็ต้องมองกลับไปอีกว่าโอกาสที่เขาจะได้มีโอกาสก้าวไปถึงอาชีพที่ว่า อยชีพต่างๆที่คุณบอกว่าสุจริตหลายอันในรอบตัวเขา โล่ที่เขามีอยู่ มันมองเห็นแล้วมันเดินทางไปได้จริงแค่ไหน ยกตัวอย่างหมูปิ้ง คุณคิดว่าการที่เขามาขายหมูปิ้ง แล้วเขาจะใส่ยาบ้าลงในหมูปิ้งหรอ ถ้าให้พูดจริงๆมันเป็นต้นทุนนะ มันจะขายไม้ 5 บาท10 บาท ได้ไหม ถ้าใส่ยาบ้าเข้าไป หรือคนที่เขาเคยเป็นแบบนี้ เขาต้องทำหมูปิ้งที่เด็กกินแล้วปีนเสาไฟฟ้าเหรอ มันไม่ใช่แบบนั้น”

นัท “มันเป็นคำถามแหละว่าถ้าเป็นเรา เราจะทำไหม เป็นผม ผมไม่ทำหรอก หลายๆอย่างที่เกิดขึ้นในหนัง ในตอนครั้งแรกที่เราอ่านบทในฐานะนักแสดง ตอนที่เรายังไม่ได้เข้าไปพยายามทำความเข้าใจในฐานะตัวละคร ผมคือคนที่ตั้งธงแบบที่หนังเรากำลังโดน เล่าทำไม เป็นผมผมไม่ทำ น่าจะมีช้อยส์ที่ดีกว่านี้ ผมตัดสินใจได้ดีกว่านั้นแน่นอน แต่ไม่มีใครเคยเอาตัวเองเข้าไปอยู่ตรงนั้น 100 เปอร์เซ็นต์ 100 เปอร์เซ็นต์ที่ว่าคุณลองคำนวณถึงเสี้ยววินาทีที่คุณมีเวลาอยู่แค่นั้นในการจัดการกับความโกรธที่มันวิบขึ้นมา กับเรื่องที่สะสมตั้งแต่วันที่คุณจำความได้ วินาทีนั้นไม่มีใครอยู่ตรงนั้น มันเลยอยากที่พยายามจะสื่อสารเรื่องนี้ คือเราไม่ได้พยายามจะมาโรแมนติไซส์ว่าการทำผิดมันเท่ หรือให้โอกาสคนที่ออกจากคุก ไม่ใช่ครับ ผมและเพื่อนๆอยากชวนทุกคนมาดูหนังเรื่องนี้ เพื่อมาดูชีวิต ของ สุภาพ สีเผือก ที่ตัดสินใจพลาดแล้วการเข้าไปอยู่ในเรือนจำมันส่งผลกระทบต่อเนื่องที่สุภาพ สีเผือกต้องพยายามรับผิดชอบ บางอันก็รับผิดชอบไม่ไหว บางอันก็ตัดสินใจผิดแล้วผิดอีก บางอันก็คิดว่าน่าจะเรียนรู้แล้วแต่ก็ยัง มันอยู่ซีนนึงที่ชุมชนสะพานยาวผมคุยกับพี่พุฒิว่าถ้าผมไม่รู้สึกผมไม่ทำนะ มันจะเป็นซีนต้นเเรื่องที่จะเปิดหัวของทั้งหมด ผมพูดเสมอว่าถ้าผมไม่รู้สึกผมไม่กล้าทำ แต่ผมรู้สึกทุกเทคทำได้ทุกเทค ตัวผมในฐานะเผือกวันนั้นเข้าไปอยู่ในเรือนจำได้ทุกเทคมันเลยน่ากลัวที่จะด่วนตัดสินอะไรไวๆ ผมว่าหนังกำลังพยายามชวนไปดุผลกระทบของเสี้ยววินาทีนั้นด้วยกึ่งนึง แล้วพอมันเข้าไปในคุก ก็อย่างที่เพื่อนๆเริ่มเล่า เมื่อเข้าไปในคุกแล้วมันเริ่มเป็นลีลา ท่าทีเป็นเรื่องของศิลปะของภาพยนตร์แล้วว่าจะเล่ายังไง เล่าในสวยงาม เล่ายังไงให้สถานที่ริงๆที่ทีมงานเราอุตส่าห์หากันมาได้ เล่ายังไงให้งานกลุ่มนี้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

ท็อป “ระหว่างทางที่เรากำลังทำหนังเรื่องนี้มันจะมีคำถามว่าทำหนังเรื่องนี้ทำไม ผมไม่แปลกใจที่จะมีคอมเมนตืแบบนี้ เพราะตัวผมเองก้ถามพี่พุฒิเหมอืนกันว่า พี่ต้องการจะเล่าอะไร เลยไม่แปลกใจถ้าคนอื่นเห็นแล้วจะสงวัยว่าเล่าเรื่องนี้ทำไมไม่มีเรื่องอื่นเล่าแล้วหรอ แล้วพี่พุฒิก็ตอบได้เหมอืนที่นัทอธิบาย ว่าเรากำลังจะพาไปดูโมเมนต์ของสุภาพ สีเผือก ซึ่งเกิดได้กับทุกคนในชีวิตจริงทั้งโลก เพราะทุกประเทศมีเรือนจำไว้รองรับอารมณ์ของมนุษย์ มวลการตัดสินใจภายในเสี้ยววิ ทุกคนมีความผิดพลาด ไม่ใช่ว่าการศึกษาดีไม่ดี เกิดมารวยหรือจนคุณเป็ฯใครก็ตามประเทศไหนก็ตาม คุณจะมีมวลอารมณ์นี้ในชีวิตจริงของมนุษย์หรือที่เรียกส่าถูกอารมณ์ ครอบงำความกดดันต่างๆที่ทำให้คุณต้องทำอะไรบางอย่าง มีคนถามว่าคนเราแบบนี้ฆ่าคนได้ไหมหรือต้องคนแบบนี้สิถึงฆ่าคนได้ อันนี้ฆาตกร อันนี้เป็นหมอ คือมันไม่มีอะไรจำกัด ทุกคนมีสกิลที่สามารถฆ่าคนได้เพราะก่อนที่มนุษย์จะเป็นมนุษย์อย่างทุกวันนี้ ทุกคนเคยล่าสัตว์ เราฆ่าใครก็ได้ เราเป็นนักฆ่าได้เสมอขึ้นอยู่กับว่าเรามีแรงกดดันอะไร ขึ้นอยู่กับกฎหมายครับ”

สถานที่ในการถ่ายทำได้มายังไง?

พุฒิ “สถานที่ในการถ่ายทำเป็นเรือนจำเก่าเพชรบุรี ตอนนี้ร้างแล้วครับ เขาย้ายไปอีกที่หนึ่ง ผมเลยโชคดีได้สถานที่ที่เป็นเรือนจำจริงๆตรงนั้น ของเดิมเป็นป่า เป็นพื้นที่รกร้าง ในส่วนของนักแสดงสมทบ คือผมได้รับความอนุเคราะห์จากพี่ๆที่เคยผ่านประสบการณ์ตรงนั้นมาจริงๆ คือเคยบอกพี่ๆเขาว่าอยากได้มาร่วม ถ้าผมเอาพี่ๆจากกรุงเทพไป ผมพูดตรงๆหนึ่งเลยคือเรื่องค่าใช้จ่ายจะสูง และการที่เขาจะเข้าถึงคาแรคเตอร์แบบที่เห็นมันหายาก เขาจะมีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจน แล้วพอผมขอให้ทางพี่ๆที่นั่นช่วย เขาก็ได้รับความอนุเคราะห์แล้วพี่ๆทุกคนก็มาช่วยเหลืออย่างดีเลย มันเลยง่ายในการบรีฟ และช่วยพวกเราให้เข้มขึ้นด้วย”

มีสิ่งที่เรียนรู้หรือมุมมองจากกลุ่มนักแสดงสมทบ ซึ่งผ่านประสบการณ์จริงๆมาบ้างไหม?

เอม “มันเป็นความรู้สึกที่วิเศษจริงๆนะ คือมันกลมกลืนไปกับทุกๆอย่าง ในฐานะของนักแสดง การที่เราได้อยู่ในสถานที่จริง อยู่ในสภาพแวดล้อมที่จริง ท่ามกลางกับเหล่าชีวิตที่เคยประสบสิ่งนี้มาจริงๆนักแสดงไม่ต้องทำงานเลยครับ นักแสดงแค่ไปออนเซ็ท แล้วทุกอย่างมันจบ เราถูกพวกเขาและสภาพแวดล้อมกำกับด้วยซ้ำ ผมเลยมองว่ามันเป็นของขวัญ เป็นกำไรของนักแสดงที่ทีมงานทุกคน ทุกๆอย่าง ณ ตรงนั้น มอบให้เรา มันจริงเสียเหลือเกิน ไม่มีอะไรจริงไปกว่านี้แล้ว อย่างผมและนัทเองก็ต้องตัดผม จริงๆแล้วกฎในนั้น พี่ท็อปเขาจะรู้ดีที่สุด แต่ผมตัดคนละเบอร์กับนัท ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร ของผมจะยาวกว่าหน่อย ของนัทนี่ติดหนังหัวเลย”

ท็อป “ในเรื่องมันเป็นกฎครับ แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราจะได้ทำมันเมื่อไหร่ กฎมีอยู่ทุกที่ อยู่ที่มันจะมีคนทำกับไม่ทำ แล้วใครที่ต้องทำตามกฎ และคนที่คิดจะทำก็ได้ไม่ทำก็ได้ มันเป็นเรื่องทั่วไปส่วนนัทเข้ามาต้องตัดผมอยู่แล้ว แต่ก็จะมีเหตุผลที่ผมตัดเขา เพราะผมเป็นบาร์เบอร์ข้างในและผมดีไซน์ทุกอย่างว่าจะต้องตัดยังไง”

นัท “วันถ่ายผมไม่คิดว่าเขาจะกดหมดแม็กขนาดนั้น คือหัวขาวตั้งแต่ปืดแรก ไม่ใช่แค่ตัวละครผมนะ ทุกครั้งที่ตัวละครหรือใครที่โดนทำร้าย พี่พุฒิจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุด ทุกครั้งที่ผ่านซีนดราม่าเราจะเห็นเขาขำคิกคักหลังมอนิเตอร์”

คาแรคเตอร์ของตัวละคร ในฐานะนักแสดงเราได้เรียนรู้มุมมองอะไรจากตัวละครตัวนี้บ้าง?

นัท “ผมรู้สึกว่าเผือกกับผมมีความต่างค่อนข้างเยอะ อย่างน้อยที่สุดคือการสื่อสาร เผือกเขาไม่ได้เป็นคนที่โตมาในแวดล้อมที่เอื้อให้เรามีช้อยส์คำศัพท์ในหัวเยอะ วิธีการของเผือกคือเอาร่างกายเข้าแลก ไม่ได้มีศิลปะในการเจรจาต่อรองซึ่งมันก็จะหมายรวมถึงไม่อาจะจะไม่ได้มีมือไม้ในการจัดแจงเวลาพูด คือมันห้วน มันตรงแล้วัมนก็เป็นมนุษย์อีกประเภทหนึ่งซึ่งมันก็จะเป็นจุดตั้งต้นถึงเรื่องร่างกายเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงทน ทำไมในบทพี่พุฒิถึงเขียนว่าเผือกทนเท้าได้ ซึ่งก็จะลำบากต่อเนื่องไปว่ามนุษย์แบบไหนที่มันจะทนอะไรแบบนี้ได้”

เบนจามิน “ตัวละครกอล์ฟที่ผมแสดงลักษณะนิสัยอาจจะเอามาใช้ในชีวิตจริงไม่ได้ แต่ในแง่ของนักแสดงแล้ว มันเหมือนเราได้เอาด้านที่เราเก็บมาในชีวิตจริงมาใช้ในบริบทของโลกการแสดง มันเลยรู้สึกว่าน่าสนใจดี ได้เอาด้านดิบ ออกมาเวิร์คออนในเรื่อง แล้วก็อีกเรื่องนึงในเรื่องของความเป็นคนนอกความเป็นฝรั่งรูปลักษณ์ภายนอกอาจจะไม่ได้เหมือนคนอื่นก็เป็นเรื่องของการเอาตัวรอดของลูกครึ่งในสังคมไทย”

สิ่งที่พี่พุฒิในฐานะผู้กำกับต้องการสื่อสารจริงๆอยากให้ผู้ชมที่ได้รับชมได้อะไรจากภาพยนตร์เรื่องนี้?

พุฒิ “สิ่งที่ผมตั้งใจจริงๆตั้งแต่ตอนแรกเลย คือคำว่า “คุก” ตัวผมเองได้ยินมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ไม่รู้ว่าข้างในของคุกมีความแตกต่างกับโลกข้างนอกอย่างไรการใช้ชีวิตการเอาตัวรอด ความยากลำบากมีมากน้อยขนาดไหน ผมก็เลยอยากจะพาคนเข้าไปพร้อมกับตัวละครที่ชื่อว่า เผือก ให้เข้าใจว่าการที่คุณกระทำความผิดและเข้าไปอยู่ข้างในนั้น การใช้ชีวิตอยู่มันมีอะไรบ้าง มันมีอะไรที่ต้องพบเจอเพื่อให้หลายๆ คน ซึ่งตัวผมจะเน้นไปที่ตัวน้องๆที่กำลังห้าว กำลังเปรี้ยวอยู่ ได้รู้ว่าถ้าเข้าไปอยู่ข้างในนั้นจะต้องรู้ต้องเจออะไร แล้วจริงๆอาจจะไม่ใช่เด็กที่กำลังเปรี้ยวหรือกำลังห้าวก็ได้ แต่มนุษย์ทุกคนก็เกิดขึ้นได้ ทุกวันนี้แค่เราขับรถบนท้องถนนปาดหน้ากันนิดเดียว เราเห็นข่าวกันเยอะ ช่วงจังหวะที่คุณคิดอะไรผิด ก็เข้าไปอยู่ในคุกได้ ทำอะไรผิด เราก็เข้าไปอยู่ในคุกกันได้ เพื่อให้พึงตระหนักว่ามันยังมีโลกหลังกำแพงที่เรียกว่า “ดินแดนสนธยา” ที่เรายังไม่รู้ว่ามันน่ากลัวกว่าที่คิด”

สุดท้ายคาดหวังอย่างไร และอยากให้เชิญชวนแฟนๆมาดูภาพยนตร์เรื่องนี้หน่อย?

พุฒิ Wสำหรับผมภาพยนตร์เรื่องวัยหนุ่มเปรียบเสมือนยาขม แต่สิ่งที่ผมจะเล่าในยาขม คือยาขมมันแย่ แต่ช่วยเรื่องลมเรื่องวิงเวียนศีรษะ อาจจะดูเป็นของขมสำหรับหลายๆคน แต่ผมอยากให้เปิดใจมาดู มันคือหนังดราม่า ซีเรียส จริงจัง ผมอยากให้เปิดใจ แล้วก็ขอบคุณทุกๆคน ที่คอยดูการเจริญเติบโตของพวกผม ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้น้องๆและเป็นกำลังใจให้ทีมงานโปรดักชั่นของผม”

นัท “ผมว่าหน้าที่การให้คำตอบ ไม่ใช่หน้าที่ผม หวังว่าสิ่งเหล่านี้ มันจะทำหน้าที่สะท้อนออกมาเป็นเรื่องราว โดยเล่าผ่านพวกผมและทีมงาน สุดท้ายเป็นศิลปะแขนงหนึ่ง ที่เราพยายามจะซื่อสัตย์ที่สุดในฐานะนักแสดง หลังจากนี้มันจะถูกส่งต่อไป ผมรู้สึกว่านี้ คือสิ่งที่เราพยามจะสื่อสารได้ดีที่สุด คือพวกเราพยายามที่จะตั้งคำถาม อยู่ที่ว่าคุณจะเข้ามาร่วมตอบกันขนาดไหน ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปคาดคั้นอะไรเลยด้วยซ้ำ เผลอๆดูเสร็จอาจจะไม่ได้อะไรเลยด้วย หรือจะดูแล้วคิดว่าซีนนี้เป็นเปลี่ยนชีวิต ผมคิดว่าแค่นี้แหละมั้งครับ เป็นสิ่งที่เราพยายามทำงานหนักมาก คือตั้งคำถามอย่างซื่อสัตย์ และหวังว่าคุณจะกลับเราอย่างซื่อสัตย์จริงๆ”

เชื่อได้เลยว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้าไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้ จะต้องได้ข้อคิดในการดำเนินชีวิตและอาจจะหวนไปนึกถึงวัยหนุ่มของคุณหรือคนใกล้ตัวของคุณก็ได้ เพราะชีวิตเราดีไซน์ได้และเพียงแค่ “การกระทำเพียงชั่ววินาที” มันอาจจะเปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดกาลเหมือนทุกๆตัวละครในเรื่องนี้ก็ได้


คอลัมน์ “1 Day With ซุปตาร์”

โดย yimyim