หลัง “นายกฯอิงค์” แพทองธาร ชินวัตร เข้ารับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ทำงานมาเกือบเดือน ล่าสุดได้ฤกษ์ เดินสายโชว์วิชันให้ต่างประเทศ ประเดิมงานแรกเข้าร่วมประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือเอเชีย (ACD) ครั้งที่ 3 ที่กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ ระหว่างวันที่ 2-4 ตุลาคม ได้ขึ้นกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ท่ามกลางผู้นำประเทศสมาชิก 35 ประเทศ ถึงการเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และการพัฒนาทรัพยากรอื่นๆ
งานนี้ “นายกฯแพทองธาร”ย้ำบทบาทไทย จะสร้างความร่วมมือระดับภูมิภาคและส่งเสริมสันติภาพ ผลักดันวาระศตวรรษแห่งเอเชีย พร้อมเรียกร้องทุกฝ่ายยุติการกระทำปฏิปักษ์ทุกรูปแบบ
จบงานี้ก็ต่อด้วยการเข้าร่วมการประชุมประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 44 และ 45 และการประชุมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องระหว่างวันที่ 8-11 ตุลาคม 2567 ที่ กรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
“นายกฯอิ๊งค์” หน้าบาน เมื่อนิตยสารไทม์(Time) ของสหรัฐอเมริกา จัดอันดับให้ “นายกอิงค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ติดหนึ่งใน 100 คน บุคคลผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคต “Time100 Next 2024” โดยติดอันดับในประเภทผู้นำลีดเดอร์ พร้อมบรรยายว่า “น.ส.แพทองธาร” ได้สร้างประวัติศาสตร์เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยที่อายุน้อยเพียงแค่ 38 ปี และเป็นนายกรัฐมนตรีผู้หญิงที่อายุน้อยที่สุดในเอเชียที่เคยมีมา
และการขึ้นตำแหน่ง “แพทองธาร” ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจนัก เพราะเป็นบุตรสาวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯและมหาเศรษฐีแห่งวงการสื่อสาร ของไทยในปี 2544 และ ถูกรัฐประหารในอีก 5 ปีต่อมา นอกจากนี้ยังมี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เป็นนายกฯ ซึ่งเป็น “ลุง-อา” ที่ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดในประเทศไทย แต่ถูกแทรกแซงโดยตุลาการและทหาร
ล้อกับ “นิด้าโพล” ศูนย์สำรวจความคิดเห็น สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)ครั้งล่าสุด ผลออกมาปรากฏว่า คะแนนนิยม “แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขึ้นเป็นอันดับ 1 ที่ประชาชนจะสนับสนุนขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะมีความเป็นผู้นำ และมีความพยายามในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน แซง แม่ทัพค่ายสีส้ม “เท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ล่วงมาอยู่ที่อันดับที่ 3
เป็นผลพวงของความนิยมของนิด้าโพล ก็มาจากโครงการแจกเงินหมื่น ให้กับกลุ่มเปราะบางที่รอคอยด้วยความหวัง เป็นการเติมกำลังใจฟู ๆ ในยามเศรษฐกิจย่ำแย่
ท่ามกลางสถานการณ์ร้อนๆ โดยเฉพาะเรื่องภัยพิบัติ น้ำท่วม เหตุรถบัสนักเรียนไฟไหม้จนมีผู้เสียชีวิตถึง 23 คน ยังไม่รวมกับประเด็นการเมืองร้ายๆ ที่เรียงหน้าออกมารุมถล่มเผาหัว รุมร้องเปิดเกมนิติสงคราม “นายกฯอิ๊งค์” ในประเด็น“จริยธรรม” โดยขุดเรื่องอดีตขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการถือหุ้นที่ดินอัลไพน์ เรื่องปมข้อสอบรั่ว ซึ่งเป็นผลพวงมาจากที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วางมาตรฐานเอาไว้
จนนำไปสู่ประเด็นร้อนทั้งเรื่อง การแก้รัฐธรรมนูญ แก้กฎหมายประชามติ นิรโทษกรรม 112 ที่พรรคเพื่อไทยเล่นบทถอยลอมชอม ประคองรัฐบาลให้ฝ่าคลื่นลม
ที่สำคัญก็มีเรื่องเศรษฐกิจ บวกกับค่าแรง 400 ที่ไปไม่ถึงไหนแรงงานโอดถูกหลอกไปวันๆ ค่าแรงยังไม่ทันขึ้น แต่ราคาอาหาร ข้าวของ เครื่องใช้ ขึ้นไปรอหมดแล้ว
ประเด็นร้อนยังไม่หมดสำหรับ “รัฐบาลแพทองธาร” เพราะพรรคฝ่ายค้านออกมาจี้ “นายกฯอิ๊งค์” เร่งนำตัว พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาค 4 ซึ่งปัจจุบันเป็นสส.บัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย ถูกฟ้องตกเป็นจำเลยใน “คดีตากใบ” ในฐานความผิดร่วมกันฆ่าผู้อื่น ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น ร่วมกันทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและหน่วงเหนี่ยวกักขังเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย มาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ก่อนคดีจะหมดอายุความ 20ปี ในวันที่ 25 ตุลาคม 2567 จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมหน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 และเหตุการณ์ต่อเนื่องเป็นผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
ถ้าเกิดว่าเป็น “รัฐบาลแพทองธาร” ขืนปล่อยให้คดีที่สส.พรรคเพื่อไทยเองอายุความหมด คดีก็หมิ่นเหม่ต่อการถูกนำไปร้องเรื่องจริยธรรม ประเด็นนี้จะเป็น “หลุมดำ”คอยอยู่ข้างหน้า
นอกจากนี้ยังเจอโจทก์เก่าของ “คุณพ่อทักษิณ ชินวัตร” อย่าง “สนธิ ลิ้มทองกุล” อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ออกมาประกาศขู่ลงถนนในต้นปีหน้าซึ่งจะเป็นการเดินครั้งสุดท้ายในชีวิต ภายในไตรมาสแรกปีหน้า รัฐบาลทำอะไรที่ไม่เข้าที่เข้าทางหรือผิดจริยธรรม จะรวบรวมมวลชนออกมาขับไล่รัฐบาล
แต่เบื้องต้นจะขอซ้อมเดินก่อน ด้วยการไปยื่นหนังสือถึงนายกฯ ให้จับมือลอบยิงตนเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2552 ที่ยังหาคนร้ายไม่ได้ และจะยื่นหนังสือถึงนายกฯ เพื่อตั้งคำถามว่า เหตุใดจึงมีชาวเมียนมาอยู่ในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมายจำนวนมาก และขอให้ยืนยันว่า การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท สำหรับแรงงานไทยเท่านั้น
สอดประสานกับที่ “ชนินทร์ รุ่งแสง” รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาขยับส่งสัญญาเตือนไปที่ “นายกฯอิ๊งค์” ถ้า 3 เดือนไม่เห็นผลปีหน้ารัฐนาวานายกฯ “คุณหนูอิ๊งค์”สั่นคลอนแน่ และต้องสลัดภาพ“คุณหนูอิ๊งค์” เป็นนายกฯแพทองธาร โดยต้องเป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่เอาแต่ใจตัวเอง ฟังแต่คุณพ่อ ปิดหูปิดตาไม่รับฟังคนอื่น
ทำ “นายกฯอิ๊งค์” เล่นบทอ้อนขอโอกาสทำงานก่อน มีอะไรแนะนำก็พร้อมรับฟัง ขอให้คุยกันก่อนไม่จำเป็นต้องใช้ความเกลียดชังหรือใช้ความรุนแรง อยากให้ประเทศชาติสงบสุขและเดินไปได้
ขณะที่การทำสงครามกับคนบ้านป่ายังไม่จบ ล่าสุด“ไพบูลย์ นิติตะวัน” หัวหมู่ทะลวงฟันแห่งบ้านป่าออกมา ชวนจับตา 10-12 ตุลาคม พรรคเพื่อไทยเตรียมรับเรื่องใหญ่ แกนนำพรรคเตรียมรับแรงกระแทกไว้ให้ดี ถ้ารับมือไม่ดีก็อาจจะถึงขั้นล่มสลาย ซึ่งจะเป็นจุดจบของพรรคเพื่อไทย และฟาดไปยัง“พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ”อดีตสส.พรรคเพื่อไทย ไล่ฟ้องคนอื่นเขาแบบไม่รู้กฎหมายระวังซ้ำรองเดิม ที่ต้องติดคุกถูกตัดสิทธิ์ซ้ำสอง
แต่“พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ” สวนหมัดกัดไม่ปล่อยไล่ตอน “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ์ จนต้องคืนเงินเดือนสส.พร้อมชี้ว่า เป็นการจำนนต่อหลักฐาน และความผิดสำเร็จแล้ว จี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” และคณะกรรมการจริยธรรม เร่งตรวจสอบ “บิ๊กป้อม”ลาประชุม
เกมนี้จึงต้องดูกันยาว ว่าผลสุดท้ายจะออกมาอย่างไร ?
ส่วน “พรรคภูมิใจไทย” ก็ยังคงขยายปีกต่อหลังจากคุมเสียงสว.ได้แล้ว สถานีต่อไปก็จะเป็นช่วงแห่งการจัดทัพสไตล์ “พรรคภูมิใจไทย” ในกระทรวงมหาดไทย ที่ต้องมีการแต่งตั้งโยกย้าย ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ได้มีการเกษียณอายุไปแล้ว ซึ่งจะเป็นมืออีกกลไกลที่สำคัญในการเลือกตั้งระดับต่างๆ ใครงานดีสวามิภักดิ์ก็จะได้สมใจปราถนา
มาถึงตอนนี้แม้คะแนนนิยมของ“นายกฯอิ๊งค์” จะดีขึ้น แต่ “พรรคเพื่อไทย” ก็จะประมาทไม่ได้ ต้องเร่งเครื่องเดินหน้าพิสูจน์ฝีมือโกยแต้มเรียกศรัทธากลับคืนมาให้ได้แบบด่วนๆ เพราะสถานการณ์เช่นนี้ไว้ใจใครไม่ได้เลย!!.