@เริ่มที่ภาพใหญ่ของประเทศ นั่นคือเรื่องของ”การเมือง” ที่เป็นเรื่อง”ใกล้ตัว” ของประชาชน เพราะถ้า”การเมืองดี รัฐบาลมีเถียรภาพ” ย่อมนำพาประเทศเดินหน้าไปสู่ ความ”สำเร็จ” ของการ แก้ปัญหาทุกอย่างที่”คั่งค้าง” กันมาในรอบหลายปี ทั้งเรื่อง”เศรษฐกิจ” และ”ปากท้อง” ของประชาชน เรื่อง”ผลผลิตทางการเกษตร” ที่เกี่ยวข้องกับ”วิถีชีวิต” ของคนที่เป็น”เกษตรกร” ซึ่งเป็นคน”ส่วนใหญ่” ของประเทศ ที่สำคัญ “รัฐบาลที่มีเถียรภาพ” จะทำให้เกิดการ”ลงทุน” ทั้งจาก”ภายใน”ประเทศ และ “กลุ่มทุน” ที่มีจากภายนอกประเทศ……แต่เมื่อดู”ครม.อิ๊งค์ 1 “ ตั้งแต่เริ่มต้นในการนำ”บุคคล” จาก”พรรคการเมือง” ต่างเข้ามานั่งในตำแหน่ง”เสนาบดี” ที่ ส่วนหนึ่ง เป็น”มือใหม่” ที่ทำหน้าที่ในการ”สืบทอด” ตำแหน่งจากคนใน”ครอบครัว” เหมือกับ” กระทรวงต่างๆ” เป็น”สมบัติส่วนตัว” ของ”ครอบครัว “ ของ”วงศ์ตระกูล” ก็ ค่อนข้าง ที่จะเป็นห่วงว่า “รูปร่างหน้าตา” ที่เป็นแบบนี้ ของ”ครม.” น่าจะไม่มี”เสถียรภาพ” ทั้ง”ภายใน” และ”ภายนอก” เพราะเป็น”ครม.” หรือเป็น”รัฐบาล” ที่มี”จุดอ่อน” ตั้งแต่”หัวจรดเท้า” ให้ถูก”วิพากษ์วิจารณ์” จาก”นักวิชาการ” และ”สื่อมวลชน”  และกลายเป็น”ช่องทาง” ให้มีการ”ร้องเรียน” จาก” นักร้องอาชีพ” และจาก”ฝ่ายค้าน” และ”ฝ่ายแค้น” จน”รัฐบาล” ต้องทำหน้าที่ในการ”ขับเคลื่อน” แบบที่เรียกว่า” ยักตื้นติดกึก ยังลึกติดกัก”……

@ยิ่งฟังการ”แถลงนโยบาย” ของ”ครม.”ชุดนี้ ก็ยังค่อนข้าง”ว้าเหว่” เพราะยังมองไม่เห็นว่าจะมีการ”พัฒนาการ” ที่”ก้าวหน้า” กว่ารัฐบาล”ชุดเก่า” ที่มี”เศรษฐา ทวีสิน” ทำหน้าที่”นายกรัฐมนตรี” ใน 1 ปี ที่ผ่านมา ก่อนที่จะ”สะดุดขาตนเอง” จากการถูก”ศาลรัฐธรรมนูญ” ตีความว่ามีความผิดด้าน”จริยธรรม” อย่างร้ายแรง  “เหลียวหน้า แลหลัง” จึงยังมองไม่เห็น”อนาคต”ของประเทศ”และของ”ประชาชน”ว่าจะ”อยู่ดี กินดี”ตามที่มีการ”แถลง 10 นโยบายเร่งด่วน” จริงหรือไม่  แต่ก็ เอาเถอะ เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ทุกอย่างต้อง”เดินหน้าต่อไป” ก็ขอ”เอาใจช่วย” นายกรัฐมนตรีหญิง “แพทองธาร ชินวัตร” ให้ใช้ “สติปัญญา” ความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมา เพื่อ”บริหารประเทศ”ให้ เดินไปข้างหน้าอย่าง”เป็นมรรคเป็นผล”เพราะนอกจาก “คณะรัฐมนตรีใน ครม.” แล้ว ยังมี”ยอดคุณพ่อ” อย่าง”ทักษิณ ชินวัตร” ที่ต้อง”ปกป้อง” และ”ผลักดัน” การ”บริหารประเทศ” ของ”นายกรัฐมนตรี” แพทองธาร ชินวัตร” อย่าง”เต็มความสามารถ” สิ่งที่ต้องติดตามดูอีกเรื่องคือการที่”แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี “ย้ำแล้วย้ำอีก”ว่า “ครม.ใหม่ ผู้นำใหม่ มี รัฐมนตรีหญิงถึง 8 คน ว่าสุดท้ายแล้ว “คนรุ่นใหม่” ที่เป็น”ครม.ใหม่” จะมีอะไรที่ใหม่ๆให้กับ “คนไทย” และ”ประเทศไทย” และเรื่อง “บ่อนการพนันเสรี และการให้ต่างชาติเช่าที่ดิน และ “ทรัพย์สิน” อื่นๆ เป็นเวลา 99 ปี ถือว่าเป็น”นโยบายใหม่” หรือไม่ รวมทั้งทำอย่างไรให้”ประเทศไทย” ก้าวทันประเทศต่างๆ อย่าง มาเลเซีย,อินโดนีเซีย,เวียดนาม” ที่ไปไกลกว่าเรามากแล้ว นี่ต่างหากคือ”เรื่องใหม่” ที่คนไทยต้องการเห็น ……

@ส่วนเรื่องการออกมา”เปิดโปง” ถึง”เบื้องหลัง เบื้องหน้า” ของการเป็น”นักโทษเทวดา” ใน “ชั้น 14 “ ของ “โรงพยาบาลตำรวจ” ก่อนหน้านี้ จาก””พล.ต.อ.เสรี เตมียเวส” ซึ่งเป็น”เพื่อนรัก” ที่กำลัง”หักเหลี่ยม และ”เฉือนคม” แบบที่ตั้งใจจะ”เอาให้ตายคาเขียง” ซึ่งกลายเป็นเรื่องที่คนในประเทศให้ความ”สนใจ” ดูแล้ว”ทักษิณ ชินวัตร” ไม่ได้”หวั่นไหว”อะไร กับการออกมา”เปิดโปง”ของ”พล.ต.อ.เสรี เตมียเวส” ที่วันนี้การ”เปิดโปง” เรื่องราวของ”ทักษิณ” ลุกลามไปยัง “บุคคล” อื่นๆ เป็นจำนวนมาก  แต่  มีคำถาม จาก”สังคมไทย” ต่อ” พล.ต.อ.เสรี เตมียเวส” เช่นกันว่า  เรื่อง”เลวร้าย” ใน”ขบวนการ” ทั้งหมดที่นำมา”เปิดโปง” ถ้า”สมมุติว่า”พล.ต.อ.เสรี เตมียเวส” ไม่มีการ”สะบั้นไมตรี” กับ”ทักษิณ ชินวัตร” สังคมไทยจะรู้เรื่องนี้หรอไม่…..

@ความหวังแรกของ”ประชาชน” ครึ่งค่อนประเทศ ที่หวังไว้กับ”รัฐบาล” ของ”แพทองธาร ชินวัตร” นั้นคือการได้รับการ”แจกเงิน” ตามนโยบายของ”พรรคเพื่อไทย” คนละ 10,000 บาท ก็คงจะไม่”แห้ว” อย่างแน่นอน แต่จะได้รับ”แบบไหน” และ”เมื่อไหร่” ยังต้องรอความ”ชัดเจน” ซึ่งกลุ่มผู้”เปราะบาง” ที่ถือ”บัตรประชารัฐ”น่าจะเป็นผู้ที่เข้าถึง”สิทธิ”การได้รับ”แจก”ก่อนกลุ่มอื่นๆ ก็ต้องถามไปยัง”รัฐบาล” ว่า ถ้าเปลี่ยนจาก”เงินดิจิตัล” ที่”กำหนดให้ใช้เงินเพื่อ”ซื้อสินค้า” ใน”อำเภอ” ที่ผู้ได้”สิทธิ์” มาเป็นการ”แจกเงินสด” ที่ ประชาชนผู้ได้”รับแจก” เงินใช้ซื้ออะไรก็ได้และใช้ที่ไหนของประเทศก็ได้ จะเป็นการ”ตอบโจทย์” ของการทำให้”เศรษฐกิจ” ของประเทศ”เติบโต” หรือมีการ”หมุนเวียน”ของเงินถึง 4 รอบ ตามที่ “เผ่าภูมิ โรจนสกุล” รมช.คลัง ได้ เพียรพยายามในการ “โน้มน้าว” ให้เห็นถึง”ประโยชน์”การใช้ระบบ”ดิจิตัลวอลเล็ต”  เพื่อการ”กระตุ้น” เศรษฐกิจของประเทศให้”ฟื้นตัว” ดังนั้นถ้าเปลี่ยนเป็น”แจกเงินสด” และให้มีการ”ใช้จ่ายตามใจชอบ” ก็แสดงว่าการแจกเงิน 10,000 บาท ครั้งนี้ ไม่เกี่ยวกับการ”ฟื้นตัว”หรือไม่”ฟื้นตัว” ของ”เศรษฐกิจ” ใช่หรือไม่     แต่เป็นการ”แจกเงิน” ตาม”พันธะสัญญา” ที่ให้ไว้กับ”ประชาชน” เพื่อเป็นการหวัง”คะแนนเสียง” เพียงอย่างเดียว  อย่างนั้น ใช่หรือไม่…..

@ในส่วนที่ต้องติดตามดูการแก้ปัญหา”เศรษฐกิจ”ของ”รัฐบาล” ชุดนี้ ก็ต้องติดตามบทบาทของ”รองนายกฝ่ายเศรษฐกิจ” คือ” พิชัย ชุณหวชิร” ที่ควบ”เสนาบดีกระทรวงการคลัง” ว่าจะมี “นโยบาย” เศรษฐกิจ แบบไหน อย่างไร เพราะใน”รัฐบาล” เศรษฐา “ ที่ผ่านมา “พิชัย” ยังไม่ได้ แสดงความรู้ ความสามารถในเรื่อง”เศรษฐกิจ –การคลัง” ให้ “ประชาชน” ได้เห็นอย่างชัดเจน    เนื่องจาก ทั้ง”เสนาบดี-และ”รัฐมนตรีช่วย” มัวแต่”ยุ่งเหยิ่ง”กับการเข็นโครงการดิจิตัลวอลเล็ต” จนไม่ได้”ใส่ใจ” กับเรื่องอื่นๆ โดยปล่อยให้เป็นการ”ขับเคลื่อน”ของ”เศรษฐา ทวีสิน”…….เสนาบดี”คนใหม่”อีกหนึ่งคนที่มาทำหน้าที่เป็น”เสนาบดีกระทรวงพาณิชย์” คือ”พิชัย นริพทะพันธ์” อดีต “เสนาบดีกระทรวงแรงงาน”ที่มาทำหน้าที่”เสนาบดีกระทรวงพาณิชย์” ซึ่งต้องดูฝีมือเรื่องการแก้ปัญหา”สินค้าแพง” เพื่อ”ปากท้องของประชาชน” เรื่อง”สินค้าจีน” ที่เข้ามา”ทุบตลาด”ของไทย จนทำให้ผู้ทำการค้า และ ธุรกิจ ต่างๆ ได้รับผลกระทบจนกำลัง”ล้มละลาย” และ การขับเคลื่อนในเรื่องของ “FTA ที่ “ล่าช้า” จะแก้อย่างไร นี่ก็ต้องรีบ”แสดงฝีมือ” ให้”ประชาชน”เห็นโดยเร็ว เช่นกัน ทุกปัญหาล้วน”รอไม่ได้” ทั้งนั้น……ส่วน”รองนายกฝ่ายความมั่นคง” ที่ใน อดีตของ รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน” ได้”มอบหมาย” ให้ใครอย่างเป็นทางการนั้น” ใน”รัฐบาล”ของ”แพทองธาร ชินวัตร” มีการ”มอบหมายที่ชัดเจนว่าเป็นหน้าที่ของ”ภูมิธรรม เวชยชัย” เป็น”รองนายกฝ่ายความมั่นคง” และเป็น”เสนาบดี” กระทรวงกลาโหม โดยมี “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล  นาคพาณิชย์” เป็น”รัฐมนตรีช่วย” กลาโหม ก็ได้แต่ “คาดหวัง”ว่าทั้ง”สหายใหญ่” และ”บิ๊กเล็ก” คงจะมองเห็นเรื่องของ”ความมั่นคง” ใน”จังหวัดชายแดนภาคใต้” โดยต้องมีการ”ผ่าตัดโครงสร้าง” หน่วยงานความมั่นคงเสียใหม่  เพราะ ณ วันนี้ “สถานการณ์” ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการ”เปลี่ยนแปลง”ไปมากแล้ว แต่ “โครงสร้าง” และ”นโยบาย”ของ”กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ยังไม่มีการ”เปลี่ยนตาม” ดังนั้นการแก้ปัญหาจึงไม่”ตอบโจทย์” และไม่ได้ทำให้”สถานการณ์”การก่อการร้าย และการต่อสู้ทาง”การเมือง” ตามไม่ทัน “ขบวนการบีอาร์เอ็น” ที่มีการ”ปรับเปลี่ยน”ไปตาม”สถานการณ์”…..

@เดือนตุลาคม นี้ กองทัพภาคที่ 4 มีการ เปลี่ยนแปลง แม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่ แทน “พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค” หรือ”บิ๊กต้น” ที่เป็น แม่ทัพ ครบ 2 ปี ซึ่งข่าวว่าจะไปติดยศ”นายพลเอก” ที่”กองทัพไทย” และใครจะมาทำหน้าที่”แม่ทัพภาคที่ 4 “ คนใหม่ ซึ่งขณะนี้ก็มี 2 รายชื่อ นั่นคือ” พล.ท.ปราโมทย์ พรหมอินทร์” แม่ทัพน้อยที่ 4 และ “พล.ต.ไพศาล หนูสังข์” รองแม่ทัพภาคที่ 4 และ รอง ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งก็”มีดี” และ”มีนาย” ทั้งคู่ ก็ต้องตามดูว่า” สหายใหญ่” และ”บิ๊กเล็ก”  เสนาบดีกลาโหม และ รอง เสนาบดี กลาโหม จะ”หยิบรายชื่อ” ของใครมาเป็น” แม่ทัพภาคที่ 4 “ เพราะถึงอย่างไร คนเป็น” แม่ทัพภาคที่ 4” ก็มีความ”สำคัญ” กับ นโยบายของการ”ดับไฟใต้” และปัญหา”ภัยแทรกซ้อน” อื่นๆ โดยเฉพาะเรื่องการ”ป้องปรามยาเสพติด, การตัดไม่ทำลายป่า” และ” ขบวนการ”ค้าของเถื่อน” ใน จังหวัดชายแดนภาคใต้…..รวมทั้งต้องจับตาตำแหน่งการแต่งตั้ง” เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ “ (สมช.) แทน “พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์” เลขา สมช. ที่มีเวลาทำงานเพียง 6 เดือน ก็ต้อง เกษียณอายุราชการ ข่าวว่า ตำแหน่ง “เลขาธิการ สมช.” มี”นายตำรวจ”  และ”นายทหาร” ที่เป็นคนของ”ทักษิณ” จะ”ไสลด์” จาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และจาก”กองทัพบก”เข้ามา”เสียบ” อีกครั้ง  ก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่อยากจะถามว่า คนที่มาจาก”หน่วยอื่น”มี”ความรู้ ความสามารถ”เพียงพอหรือไม่ ถ้ามาเพราะ”อกหัก” จาก “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” หรือ”กองทัพบก” และมาเพื่อขึ้นเป็น” ซี 11 “ รัฐบาลต้องใคร่ครวญ” ให้”รอบคอบ” เพราะการที่”ไฟใต้” ไม่สามารถ”มอดดับ” ส่วนหนึ่งมาจากการ”ไร้ประสิทธิภาพ” ของ”สภาความมั่นคงแห่งชาติ” ( สมช. ) ที่มี”เลขาธิการ” ที่มาจาก” ทหาร,ตำรวจ” ที่ไม่ใช่”ลูกหม้อ” ของ “สมช.” และ  “สมช.” วันนี้ ทำงานสนองนโยบายความมั่นคงทาง”การเมือง” มากกว่า”ความมั่นคงของ”ประเทศชาติ”……

@ข่าว”วงใน” แจ้งว่า มีอดีต”นายทหาร” หลายคน เข้าพบกับ “ทักษิณ ชินวัตร” เพื่อ”พูดคุย”ถึงการ”ขับเคลื่อน” เวทีการ”พูดคุยสันติสุข”ของ”จังหวัดชายแดนภาคใต้  ที่มี”ฉัตรชัย บางชวด “ รองเลขาธิการ สมช. ทำหน้าที่เป็น”หัวหน้าคณะพูดคุย เพื่อให้มีการ”เปลี่ยนตัว” จาก” ฉัตรชัย บางชวด” เป็น”นายทหาร”ที่ “เกษียณอายุราชการ” แล้ว เรื่องนี้ แสดงว่า”ทักษิณ ชินวัตร” จะกลับมามี”บทบาท” เป็นผู้อยู่เบื้องหลังของการ”ขับเคลื่อน” การ”พูดคุยสันติสุข” ที่เริ่มต้นจาก” ทักษิณ ชินวัตร” เป็นผู้”ริเริ่ม” ในสมัยที่”ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เป็น”นายกรัฐมนตรี และมี”พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร” อดีต “เลขาธิการสภาความมั่นคง” ที่ทำหน้าที่”หัวหน้าคณะพูดคุย” ในชื่อ”การพูดคุยสันติภาพ” และมี” พ.ต.อ. ทวี สองส่อง” อดีตเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( ศอ.บต.) เป็นผู้ร่วม”ขับเคลื่อน” ที่”เข้มแข็ง” ก็ต้องติดตามดู”บทบาท” ของ”ทักษิณ ชินวัตร” ว่าจะมี”กลเม็ดเด็ดพราย” อะไร ที่จะใช้ในการ”ขับเคลื่อน” เวทีการ”พูดคุย” ระหว่าง”รัฐบาลไทย” กับ”บีอาร์เอ็น” และต้องติดตาม”ปฏิกิริยา”ของ”แกนนำบีอาร์เอ็นฝ่ายทหาร” ว่าจะ”เห็นด้วย”ที่จะมี”ทักษิณ ชินวัตร” อยู่เบื้องหลังในการ”พูดคุย” หรือไม่ รวมทั้ง”ปีกทางการเมืองของบีอาร์เอ็น” หรือ”ภาคประชาสังคม”ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยังคงทำการ”ไอโอ” ว่า”ทักษิณ ชินวัตร” คือ”ส่วนหนึ่ง” ของการ”ซ้อมทรมาน, อุ้มหาย” รวมทั้งการ”ฆ่าตัดตอน”และการ”ตายหมู่” 83 ศพ ของ”คดีตากใบ” ที่ถูก”บีอาร์เอ็น”ปลุกระดมให้มีการ”รื้อฟื้น” คดีขึ้นใหม่ในขณะนี้การเข้ามาของ”ทักษิณ ชินวัตร” จะทำให้”ไฟใต้”ลดความร้อนแรง หรือ”โชนแสง” ยิ่งขึ้น เป็นสิ่งที่ต้องติดตาม……

@นักท่องเที่ยว”ต่างชาติ” เข้ามาท่องเที่ยวใน เมืองท่องเที่ยว ที่เป็น “เกาะแก่ง” อย่าง” เกาะพะงัน.เกาะสมุย,เกาะเต่า” และ อื่นๆ ใน จ.สุราษฎร์ธานี และ จังหวัดอื่นๆ มากเท่าไหร่ “ไกด์เถื่อน” ที่เป็น”คนต่างชาติ” ที่เข้ามา”แย่งอาชีพ” ของ”ไกด์คนไทย” ก็มากขึ้น”เป็นเงาตามตัว” มีการเปิด”สำนักงาน” มีการ”เช่าบ้าน” อยู่อย่างเปิดเผย แต่การ”จับกุม” ยังน้อยมาก ก็ต้องฝากเรื่องนี้ให้กับ 2 หน่วยงานช่วยกัน”ตรวจสอบ นั้นคือ” กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว” ที่มี”พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ “ ผบช.ตำรวจท่องเที่ยว และ “พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ “ ผบก. ตรวจคนเข้าเมือง ที่ต้องมีการ”บูรณาการ”ด้วยกัน ทั้งงาน”การข่าว” และการ”จับกุม เพื่ออย่าให้”ต่างชาติ” เข้ามา”แย่งงาน”ของ”คนไทย”……

@”ศึกสายเลือด” ใน”สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ยังคง”ลากยาว” เพราะ”บิ๊กโจ๊ก” ยังไม่ยอมจบ ยังมีการ”ไฟเขียว” ให้”ลูกน้อง” ที่ต้องคดีให้ออกมา”ลากไส้” ตำรวจที่อยู่ใน”ก๊วน” ที่มี”เส้นทางการเงิน” ในการ”รับ”ส่วย” ล่าสุดมีการ”แฉ” ถึง”ตำรวจ” อีก 33 คน และส่วนหนึ่งของเป็น”ก๊วน” ที่อยู่ใน”เส้นเงินสีเทา” ในภาคใต้ “ยุทธการ”นี้ หมายถึง”กูเลว” มึงก็”ชั่ว” ส่วนผลการ”สืบสวนสอบสวน” ทราบว่ากำลังเดินหน้าต่อโดยมี”เส้นทางการเงิน”ไปยัง” บุคคลใกล้ชิด” อีก 3 ราย ดังนั้นเรื่องของ”บิ๊กโจ๊ก” จึงยังไม่จบแค่มี”ราชโองการให้ออกจากราชการ” และ”บิ๊กโจ๊ก” ก็ยังมี”หมัดเด็ด” เป็นชุดๆ ในการ”ลากจูง” กลุ่ม”ตำรวจ” ที่”เก็บส่วย” และ”รับส่วย”และยิ่งใกล้หน้า”โยกย้าย” คนที่”ถูกแฉ” ก็ยิ่ง”หนาวๆร้อนๆ” เพราะเรื่องนี้”ส่งผล” ถึงการ”โยกย้าย” แน่นอน…..

@ชาวบ้านที่ อ.นาทวี จ.สงขลา เขาสงสัย ฝากคำถามถึง “ทวี บุญสอน” ผอ.แขวงการทางสงขลา 2 ( นาหม่อม ) ที่ แขวงการทางเพิ่งติดตั้งหมุดสะท้อนแสงได้เดือนเศษ หน้า โรงพยาบาลนาทวี  อ.นาทวี จ.สงขลา  แต่วันนี้มีการนำ” แท่งแบริเออร์” มาวางทับหมุดสะท้อนแสง” แท่งแบริเออร์” ทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเดือดร้อน  ในการกลับรถ รถเก๋ง รถจักรยานยนต์ มองไม่เห็น แม้แต่ นักเรียนเทศบาลก็มองไม่เห็นเพราะ”แท่งแบริเออร์” สูงมาก ชาวบ้านสงสัยว่า แขวงการทางงบเยอะ  ถ้าอย่างไรก็ ช่วยตรวจสอบ เพื่อให้เห็นว่าชาวบ้าน”เดือดร้อน” จริงหรือไม่…..

@เรื่องของ”ชาวเมียนมาร์” ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย ทั้งที่”ถูกต้อง” และที่”เถื่อนๆ” ที่นี้เคย เขียนมาหลายปีว่าจะเป็น”ภัยความมั่นคง” ถ้าไม่มีการ”ควบคุม” ที่ดีพอ อย่างล่าสุด”การจัดตั้งศูนย์การเรียนภาษาของชาวเมียนมาร์ ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ที่ถูกผู้ว่าราชการจังหวัด”  เจษฎา จิตรัตน์  “ สั่งปิดไปแล้วนั้น มีการ”ตรวจสอบ” หรือไม่ว่า “ศูนย์การเรียน” เหล่านี้ยังมีอยู่ที่ไหนบ้าง เรื่องนี้”กอ.รมน.จังหวัด” ต้องทำหน้าที่ในการ”ตรวจสอบ” และ “ดำเนินการ” ให้เป็นไปตาม”กฎหมาย” อีกเรื่องที่จะเป็น”ภัยความมั่นคงในอนาคต” คือ” คนเมียนมาร์” ที่เข้ามา “ทำงาน”ในประเทศไทย จะ”แต่งงาน”กับคน”เมียนมาร์” ด้วยกัน และ “ลูก” ที่เกิดมาก็จะได้”สัญชาติไทย” แต่ไม่”เลือดเนื้อเชื้อไข” ที่เป็น”คนไทย”   ดังนั้นเราจึงต้องรับภาระทั้งในเรื่อง”งบประมาณ” ในการ”เลี้ยงลูกเมียนมาร์” ตาม”กฎหมาย” และใน”อนาคต” อาจจะเป็น”ภัยความมั่นคง” เกิดขึ้นก็ได้ เรื่องอย่างนี้”ฝ่ายความมั่นคง” และ”สภาความมั่นคงแห่งชาติ” คิดเห็นอย่างไรกับปัญหานี้ หรือยังมองว่า”ยังห่างไกลตัว” จึงยังไม่ต้องมีการ”คิดอ่าน” ทั้งการ”ป้องกัน” และการแก้”ปัญหา”……

@อาชีพการ”เลี้ยงโค” ในภาคใต้ กำลัง”ล่มสลาย” เพราะปัญหา”โคเป็นๆ” ที่ราคาถูก จากที่เคยขายให้”โรงฆ่าสัตว์” ตัวละ 40,000 บาท เหลือเพียง 20,000 บาทเศษ ทั้งที่ราคา”เนื้อหน้าเขียง” ยังขายให้กับผู้ซื้อ กิโลกรัมละ 270 บาท สอบถาม”ต้นสายปลายเหตุ” ทราบว่า มีการนำ”เนื้อแพ็ค” จาก”ต่างประเทศ” เข้ามา”ตีตลาด” ซึ่ง”เนื้อแพ็ค” ที่เป็น”เนื้อเถื่อน” ราคาถูก กว่ามาก  และขณะเดียวกันก็มีการ”นำเข้าโคเถื่อน”จากประเทศเมียนมาร์ เข้ามาทาง อ.แม่สอด จ.ตาก และ อำเภอชายแดน  จ.แม่ฮ่องสอน และ ชายแดนไทย-เมียนมาร์ ด้าน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ก็เป็น เส้นทางนำเข้า”โคเถื่อน”  ซึ่งอยู่ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด เป็น”ผู้แทนระดับชาติ” และ”เครือข่าย” ที่เป็น”กลุ่มทุน”ของ”นักการเมือง” เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของ “เสนาบดีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์” อย่าง” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” เสนาบดีป้ายแดง” ที่ต้อง ดำเนินการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน   แต่นั้นแหละ จะแก้อย่างไร ในเมื่อใน”เครือข่าย”นี้มี”นักการเมือง” ร่วมอยู่ด้วย……

@วันก่อน ไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา ได้มีโอกาส “เสวนา” กับ” อู๋ ตงเหมย” กงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีนประจำจังหวัดสงขลา ในโอกาสที่ ครอบรอบ 30 ปี ของ การก่อตั้งสำนักงานกงสุลจังหวัดสงขลาที่มีการกล่าวถึงความสัมพันธ์ไทย-จีน” ที่มีความ”ก้าวหน้า” อย่าง”มั่นคง” ในฐานะที่”จีน-ไทย” ไม่ใช่คนอื่นไกล” แต่เป็น” พี่น้องกัน” โดย “กงสุลใหญ่” ได้ สนับสนุน ส่งเสริม ให้มีการ ส่งออก”มะพร้าวน้ำหอม” ของ”สงขลา” และ”ภาคใต้” ไปยัง “มณฑลไหหลำ” สาธารณรัฐประชาชนจีน มีการ”เปิดทาง” ให้ “ผู้นำข้า” ที่เป็น “บริษัทของคนจีน ได้พบปะกับ”สมนึก พรหมเขียว” ผวจ.สงขลา ที่”มณฑลไหหลำ” ที่มีความต้องการ”มะพร้าวน้ำหอม” เป็นจำนวนมาก ก็ต้องติดตาม”บริบท” ของ” ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา” ว่าจะมีการ”สานต่อ” อย่างไร เพราะเรื่อง”การค้าระหว่างประเทศ” ต้องมี”กระบวนการ” หลายขั้นตอน ที่ต้องมีการ”ประชุมเสวนา” ทั้ง “ผู้ส่งออก” และ”เกษตรกร” เพราะ”ผลไม้ทุกชนิด” ที่ส่งออกไปยัง”ต่างประเทศ” เน้นที่”คุณภาพ” และต้องไม่มี”สารพิษตกค้าง” เสียดายที่”สมนึก พรหมเขียว” จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน นี้ ก็ฝาก”ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา” ก่อนที่จะ”หมดหน้าที่” ให้”มอบหมาย” เรื่องดีๆอย่างนี้ให้”รองผู้ว่าราชการจังหวัด” ทำการ”สานต่อด้วย”……และที่น่าสนใจที่เป็น”สาระสำคัญ”จากการ”เสวนา” กับ”กงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน” คือเรื่อง”ทุเรียนของจังหวัดชุมพร” ซึ่งเป็นที่ต้องการของ”สาธารณรัฐประชาชนจีน” ในการส่งออก”ทุเรียนไทย” 900,000 กว่าตัน ของปีที่ผ่านมาเป็น”ทุเรียน” จาก” จ.ชุมพร ของภาคใต้ถึง 400.000 ตัน ด้วยกัน ซึ่งฟังแล้วยังเห็นว่า”อนาคต” ของ”ผลไม้ไทย” หลายชนิดยัง”สดใส” ในการ”ส่งออก” ไปยัง”ประเทศจีน” …..

@ผลงานในการทำหน้าที่ตรวจสอบการ”บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ” และ”อุทยานแห่งชาติ” ใน สามจังหวัด และ 4 อำเภอของ จังหวัดสงขลา ของ”พล.ต.ต.พิชญวุฒิ สงวนสมบัติศิริ “ ผบก. ตชด.ภาค 4  มีให้เห็นเป็นระยะๆ พบการ”บุกรุกป่า”ด้วยการ”ตัดไม้ “ เพื่อ”แปรรูป” ส่งขายให้”นายทุน” และนำเอา”พื้นที่เพื่อทำการเกษตร ปลูกสวนยาง สวนทุเรียน สวนผลไม้  นี่คือปัญหาที่เป็น”ภัยแทรกซ้อน” ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่สิ่งที่ชวนสงสัยคือ ในการ”จับกุม”ทุกครั้งไม่เคยได้”ผู้ต้องหา” และหลังการ”แจ้งความลงบันทึกประจำวัน” เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่เคย”สืบสวน สอบสวน” หาผู้ทำความผิดมาลงโทษ นี่อาจจะเป็น สาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้ “มอดไม้” ไม่เกรงกลัว”กฎหมาย” เพราะทำผิดโดยไม่ต้อง”รับโทษ”……

@เรื่องของ”จราจร” ในพื้นที่ สภ.หาดใหญ่ และ สภ.คอหงส์  ซึ่งมีการ”ตั้งด่าน” จับกุมผู้ทำผิด”กฎหมายจราจร” มีการ”ร้องเรียน” ถึงความ”เดือดร้อน” และยังมีกลุ่ม”ชาวมาเลเซีย” ที่เข้ามาในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ และ ถูก”จับกุมในข้อหา”ผิดกฎหมายจราจร” ก็ เข้าใจนะ ทั้งกับ” พ.ต.อ.ภูมิ บาลทิพย์  ผกก.สภ.หาดใหญ่ และ พ.ต.อ.บัญฑรู เทพสุวรรณ ผกก.สภ. คอหงส์ ที่ต้อง”เคร่งครัด”และ”กวดขัน”วินัยการ”จราจร” เพื่อความ”ปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน” แต่ก็ต้อง”กำชับ” ลูกน้อง ที่เป็น ตำรวจจราจร” ให้อยู่ใน”สายกลาง” และต้องมี”มาตรการ” อื่นๆที่ไม่ใช่การ”จับกุม” เพียงอย่างเดียว เพื่อการแก้ปัญหาการทำผิด”พรบ.จราจร” มาเป็น”ตัวช่วย”……เจ้าของเรือประมงที่เข้าโครงการให้”รัฐบาลซื้อเรือคืน” ผ่านไปแล้ว 5 ปี เรือที่”เข้าโครงการ” ยังไม่ได้รับเงินจากรัฐบาลอีกจำนวนนับ 100 ลำ เจ้าของเรือต้องมี”ค่าใช้จ่าย” ในการ”จ้างคนเฝ้าเรือ” เพื่อ “สูบน้ำออก” ป้องกัน”เรือจม”และป้องกัน”คนมาขโมยสิ่งของในเรือ เพราะเรือแต่ละลำ มีราคา 5 ล้าน 10 ล้าน เรื่องนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัด ประมงจังหวัด หมดทางที่จะแก้ปัญหา นี่ก็เป็นเรื่องที่ “ครม.แพทองธาร ชินวัตร” ต้องเร่งแก้ปัญหา เพราะปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับ”ชาวประมงจังหวัดสงขลา” แต่เป็นทุกจังหวัด ที่มีอาชีพในการ”ทำประมง”…….

@ฝนตกน้ำท่วม เป็นปัญหาที่”ซ้ำซาก” เช่นเดียวกับที่ ประชาชน ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประสบอยู่  ซึ่งการแก้ปัญหาก็เป็นอย่าง”ซ้ำซาก” นั้นคือ”แจกถุงยังชีพ” ทั้งจาก”ภาครัฐ”และ”เอกชน” พร้อมทั้งมี” นายกรัฐมนตรี”  สส. ที่เป็น”นักการเมือง” ลงพื้นที่ และ”ชี้โบ้ชี้เบ้” รับปากกับ”ประชาชน” รวมทั้ง”ออกทีวี” ที่จะ แก้ปัญหาด้วยการ ทำ โน่น สร้างนี้  เช่นการ”สร้างเขื่อน” สร้าง”อ่างเก็บน้ำ” และ กั้นตลิ่ง ฯลฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ”งบประมาณ” ทั้งสิ้น( ถ้าได้สร้าง) ก็ต้องมี”เงินทอน” รวมทั้งมีการตั้ง”คณะทำงาน” เพื่อ”ศึกษาปัญหา”ที่เกิดขึ้น …..จริงๆแล้ว เรื่องการ”ศึกษาผลการะทบ”จาก”อุทกภัย” และ”ภัยแล้ง” รวมทั้งปัญหาเรื่องทุกเรื่องของประเทศนี้  ไม่จำเป็นต้อง”ตั้งงบประมาณเพื่อการศึกษา” ให้”สิ้นเปลือง” เพราะทุกเรื่อง ทุกปัญหา มี หน่วยงาน ได้ทำการ”ศึกษา” ไว้หมดแล้ว สิ่งที่”ขาดคือ” ไม่มีการ”ผลักดัน” ให้แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเท่านั้น…..และ ภาคใต้ อีก  1-2 เดือน ก็จะเข้า”หน้าฝน” ที่ต้องมีเรื่อง”น้ำท่วม” เข้ามาให้ต้องแก้ปัญหา ความ”เดือดร้อน”ของประชาชน” วันนี้ “ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย” องค์กรปกครองท้องถิ่น” ตั้งแต่ อบจ. เทศบาล จนถึง อบต. และ ฝ่ายปกครอง ที่มี “ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ แต่ละพื้นที่มีความพร้อมในการ”รับมือ” การเกิดขึ้นของ”อุทกภัย” แค่ไหน เร่งทำการ”บูรณาการ” เพื่อการ”รับมือ” เสียแต่เนิ่นๆ อย่าให้”ไฟลนก้น” แล้วค่อย ดำเนินการ เพราะนั้นจะเข้าสุภาษิต” ถั่วสุกงาไหม้”  โดยเฉพาะภาคใต้ ช่วงเวลาที่มี”น้ำท่วม” จะเป็น ห้วงเวลา ที่มีการ”เปลี่ยนผ่าน”ตำแหน่ง ระดับสูงทุกตำแหน่ง ตั้งแต่”ผู้ว่าราชการจังหวัด” ขึ้นไป ทำให้ หลายจังหวัด”ขลุกขลัก” ในการ แก้ปัญหา”อุทกภัย”……

@แต่ก็ยัง”อุ่นใจ” ใน”ภาคใต้” มีหน่วยงานของ”กองทัพ” ทั้ง “กองทัพภาคที่ 4 “ ทัพเรือภาคที่ 2 และภาคที่ 3 มี กองบังคับการนาวิกโยธิน ใน จ.นราธิวาส  โดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้” ปัตตานี ,ยะลา นราธิวาส” มี”ค่ายทหาร และกำลังพล ปฏิบัติการในพื้นที่ ที่พร้อมที่ “รถราม้าช้าง” และ”กำลังพล” ในการให้การ”ช่วยเหลือ” ประชาชน ได้ทันท่วงที พอที่จะให้”อุ่นใจ” กับ”ประชาชน” แต่นั้นแหละ” ประชาชน” ก็ต้อง”เตรียมพร้อม” ติดตาม”ข่าวสาร” และ”ตั้งรับ” การมาของ”อุทกภัย” ที่สำคัญ”ไม่ประมาท” แบบที่”รอให้น้ำท่วม” แล้วค่อย”เก็บของ” หรือ”อพยพ” แล้วก็ออกมา”โทษฟ้าโทษดิน” โดยเฉพาะ”โทษเจ้าหน้าที่” ว่าไม่พร้อมในการ”ช่วยเหลือ”  ทั้งที่”หลักการ”ที่ถูกต้องคือ”ตนเป็นที่พึงของตนเอง”……ส่วน เทศบาลนครหาดใหญ่  อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา วันนี้ โอกาสที่จะมี”น้ำท่วม” และสร้างความ”เสียหาย” อย่างใน”อดีต” น่าจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว เพราะมี “คลอง ร.5” ที่เป็น”คลองสำคัญ” มีความพร้อมในการ”รับมวลน้ำ” เพื่อออกไปยัง”ทะเลสาบสงขลา” แต่ยังมีปัญหาเรื่อง”น้ำท่วมขัง” ในพื้นที่”ลุ่มต่ำ” ในเขตเทศบาลนครหลายใหญ่ ที่ยังเป็นความ”เดือดร้อน”ของ”ประชาชน ที่” พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี นายกเทศบาลนครหาดใหญ่  ซึ่งมีข่าวว่ามีการ”เตรียมพร้อม” ในการ”รับมือ” เอาไว้แล้ว เที่ยวนี้ต้อง”เต็มที่” กับปัญหา”น้ำท่วมขัง” หรือ”น้ำรอระบาย” เพราะปี 2568  มีการ”เลือกตั้ง” ระดับ”เทศบาล” ที่” พี่หลวงคร” ประกาศที่จะลงสนาม”สู้ศึก” เป็นครั้งที่สอง…..

@ส่วนในระดับอำเภอของ อำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา ยังเชื่อมั่นในการเป็น”มือทำงาน” ของ”เอก ยังอภัย ณ สงขลา” นายอำเภอหาดใหญ่ ที่มีการ”เตรียมการ” รับมือกับ”น้ำท่วม” ทั้งในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ โดยการ”บูรณาการ” กับ”เทศบาลนครหาดใหญ่ และกับ” เทศบาลต่างๆ  อบต. และ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อให้มี”ความพร้อม” กับการดูแล”ประชาชน” เรื่อง”ภัยธรรมชาติ” เป็นเรื่อง”ห้ามไม่ได้”ก็จริง แต่ถ้า ทุกหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง มีการ”บูรณาการ” อย่างมี”ประสิทธิภาพ” ก็จะเป็นการ”ผ่อนหนัก เป็นเบา”……ผ่านไปทาง”เมืองชายแดน” อำเภอสะเดา จ.สงขลา “โฟกัส” ไปยังพื้นที่ ต.สำนักขาม ซึ่งเป็นเมือง”เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว”  วันนี้เรื่องของ”ยาเสพติด” เบาบางลงพอสมควร จากการ”เข้มงวด”ของ” พ.ต.อ.สุรจิต เพชรจอม” ผกก.สภ. สะดา ส่วนเรื่องของ”สถานบันเทิง” ก็มีการ”เปิด-ปิด”ตามเวลาที่”กฎหมาย” กำหนด ส่วนใครไม่ทำตามก็”ดำเนินการตามกฎหมาย”  “ด่านนอก” ในวันที่” อาญาจักร “ของ”เสี่ยวจาง” หรือ”โทนี เตียว” ล่มสลาย และ ถูกส่งตัวให้ประเทศจีน ดำเนินคดีในข้อหา”ฉ้อโกง” ประชาชนชาวจีน ถึง 400,000 ล้านหยวน วันนี้”ด่านนอก” จึงเป็น”เมืองชายแดน ไทย-มาเลเซีย” ที่ไม่เหมือนเดิม อีกต่อไป ….. แล้วพบกันใหม่ วันศุกร์หน้า  สวัสดีครับ

——————————————————————-

ไชยยงค์ มณีพิลึก

ตรวจเยี่ยม. พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ. ลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยม หน่วยเฉพาะกิจตำรวจนราธิวาสที่ 93 ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส โดยมี พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 3/ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 และคณะให้การต้อนรับ

แถลงข่าว. พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9  พล.ต,ต.ไมตรี สันตยากุล ผบก.ภ.จว.นราธิวาส พร้อมเจ้าหน้าที่ส่วนเกี่ยวข้อง รวมแถลงข่าวการ จับกุมยาเสพติดนักค้ายาเสพติดเครือข่าวใหญ่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการจับกุมผู้ก่ออาชญากรรมอีกหลายคดีในพื้นที่ จ.นราธิวาส ณ กองบังคับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส

เตรียมความพร้อม.    สมนึก พรหมเขียว ผวจ.สงขลา ลงพื้นที่ติดตามการเตรียมความพร้อม รับเสเด็จฯ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนสัดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสเสด็จราชดำเนินปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา โดยมีมงคล สินยัง นายอำเภอสะบ้าย้อย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ

มอบคอมพิวเตอร์.  เฉลิมชัย ครุอำโพธิ์ เจ้าของบริษัทเขาบันไดนางศิลาจำกัด พร้อมภรรยาได้มอบเครื่องคอมพิวเตอร์จำนวน 6 ชุดเป็นเงิน126,000 บาท ให้กับโรงพยาบาลสิงหนครส่วนหน้า โดยมี นพ,นครินทร์ ฉิมตระกูลประดับ รับมอบ ณ รพ.สิงหนครส่วนหน้า อ.สิงนคร จ.สงขลา

กีฬาท้องถิ่น.   ไพเจน มากสุวรรณ์.  นายกอบจ.สงขลได้เป็นประธานปิดงานกีฬาท่องถิ่นสัมพันธ์ของอำเภอนาทวี และได้มอบรางวัลให้กับนักกีฬาทีชนะเลิศในประเภทต่างๆเพื่อสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ. ณ. สนามกีฬากลางประจำ อ.นาทวี  จ.สงขลา

สมทบทุนการศึกษา.  พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี มอบเงินสมทบทุน 50,000 บาท แก่กองทุนวันการศึกษาสงขลา ในนาม ม. พิทักษ์อุทยานเเห่งชาติเขาใหญ่ โดยมี ดร, กมล รอดคล้าย สมาชิกวุฒิสภา เป็นตัวแทนรับมอบ เพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ต่อไป

ไม่ทนการโกง.  ที่โรงแรมธรรมรินทร์ ธนา อ.เมืองตรัง   มูจรินทร์ ทองนวล ผอ.สำนักประชาสัมพันธ์เขต 6 เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฎิบัติการ สร้างและพัฒนาเครือข่ายประชาสัมพันธ์ไม่ทนต่อการทูจริต พร้อมด้วยสำนักประชาสัมพันธ์จังหวัด 7 จังหวัด โดยมีวิทยากรพิเศษ จากสำนักงาน ป.ป.ช.จังหวัดตรัง  และ ยุทธนา วิมลเมือง หัวหน้ากลุ่มงานป้องกันการทุจริต ป.ป.ช.ตรัง ร่วมงาน

สนธิกำลัง .  วิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์ รอง ผวจ.ตรัง เป็นประธานนำคณะชุดปฏิบัติการรื้อถอนเครื่องมือประมงผิดกฎหมายประเภทเครื่องมือโพงพางและโป๊ะในเขตพื้นที่ อ.ปะเหลียน  โดยมี ณัฐวุฒิ สังข์สุข  นายอำเภอปะเหลียน พร้อมด้วย ป้องกันจังหวัดตรัง  ตำรวจภูธรปะเหลียน  ชุดอาสารักษาดินแดน  ประมงจังหวัดตรัง  พร้อมด้วยกองกำกับการ 9 กองบังคับการตำรวจน้ำ ศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลจาก จ.กระบี่ เจ้าท่าภูมิภาคสาขาตรัง  ส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 7 ร่วมกันปฏิบัติการ

ส่งเสริมภูมิปัญญา. ณ บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 หน้าศาลากลางจังหวัดตรัง (หลังเก่า) ต.ทับเที่ยง อ.เมืองตรัง จ.ตรัง ทรงกลด สว่างวงศ์ ผวจ.ตรัง เป็นประธานเปิดงานส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น อัตศิลป์ถิ่นตรัง ประจำปี 3567โดยมี นวภัทร หอมหวล พัฒนาการจังหวัด และหัวหน้าส่วนราชการ ภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการโอท็อป เข้าร่วมงาน

ต้อนรับ.  พงษ์ศักดิ์​  ยิ่งชนน์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา ต้อนรับและบรรยายแนวทางการทำงานเครือข่ายชุมชนที่เข้มแข็ง และ  อนุชิต​  กาญจนานุชิต รอง นายกเทศมนตรี​นครยะลา​ คณะสมาชิกสภาเทศบาล คณะผู้บริหารฝ่ายประจำ​ ผู้อำนวยการสำนัก/กอง​และเจ้าหน้าที่เทศบาล ร่วมต้อนรับ​คณะศึกษาดูงานจากเทศบาลเมืองเบตง อ.เบตง จ.ยะลา ที่มา​ศึกษาดูงานการดำเนินงานส่งเสริม​ป้องกันและควบคุมโรคภายใต้โครงการพระราชดำริด้านสาธารณสุข ห้องประชุมศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลา

มุขตาร์ มะทา นายก อบจ.ยะลา เปิดโครงการมหกรรมรวมพลังผู้สูงอายุ เพื่อให้ผู้สูงอายุตระหนักถึงความสำคัญในการดูแลสุขภาพกายสุขภาพใจ ให้แข็งแรงอยู่เสมอ รู้เรื่องสิทธิและสวัสดิการ ด้านการออมเงินด้านการประกอบอาชีพเพื่อสร้างรายได้ และด้านอื่นๆที่เกี่ยวข้อง สร้างความรัก ความสามัคคีในกลุ่มผู้สูงอายุของจังหวัดยะลา ณ อาคารศรีนิบง ศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลา

หนี้ กศย. กูเฮง ยาวอหะซัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยทีมงาน ลงพื้นที่มาร่วมพบปะกับพี่น้องประชาชน ที่มีภาระหนี้ กยศ. หลังจากที่รัฐบาลแก้ไขกฎหมายใหม่  กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2566  ให้กับผู้มีภาระหนี้ ของ กระทรวงยุติธรรม  ด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ พร้อมปลดผู้ค้ำประกันทันที หากลูกหนี้เข้าลงทะเบียนปรับโครงสร้างหนี้ ปรับระบบการโดยมี ต่วนอิสกันดาร์ ดาโต๊ะมูลียอ ร่วมชี้แจ้งนโยบาย ณ บ้านพิพิธภัณฑ์โกตาบารู ต.โกตาบารู อ.รามัน จ.ยะลา

เปิดโลก.  เกียรติศักดิ์ มณีรัตน์ หน.สนง.จ.ยะลา ลงพื้นที่เปิดงาน”เปิดโลก สกร.สู่การเรียนรู้ตลอดชีวิต” เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนและประชาชนทั่วไปทุกช่วงวัยได้แสดงความสามารถ ทักษะความคิดสร้างสรรค์และการพัฒนาตนเองเฉพาะด้านตามความถนัด ตลอดจนตระหนักถึงความสำคัญของการรู้หนังสือและมีนิสัยรักการอ่าน โดยมี ขนิษฐา มะลิสุวรรณ ผอ.สนง.ส่งเสริมการเรียนรู้ประจำ จ.ยะลา และคณะ ร่วมงาน ณ ห้องประชัมฮาลา-บาลา สนง.ส่งเสริมการเรียนรู้ประจำ อ.เมือง จ.ยะลา

ตลาดพาณิชน์.  สำนักงานพาณิชย์ จ.ปัตตานี ร่วมกับศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จัดกิจกรรมตลาดพาณิชย์ @ตานีบ้านเรา ครั้งที่ 3 ตามโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจของกระทรวงพาณิชย์ เร่งดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดค่าครองชีพ ส่งเสริมเม็ดเงินในชุมชนและสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพของประชาชน รวมทั้งกระตุ้นให้มีเม็ดเงินไหลเวียนในระบบเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้นณ ตลาดกลางการเกษตรและห้องเย็น ค่ายสมเด็จพระสุริโยทัย กองพลทหารราบที่ 15 ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี

ต้อนรับ.   พล.ต.อภินันท์ แจ่มแจ้ง ผบ.ฉก.สงขลา ตรวจเยี่ยม แนะนำการปฏิบัติหน้าที่ และข้อห่วงใยของผู้บังคับบัญชาแก่กำลังพล พร้อมสิ่งของเพื่อเป็นกำลังใจ โดยมี พ.ต.ท.ฉลอง บัวทอง รอง ผบ.ฉก. ตชด.43 และคณะให้การต้อนรับ ณ ชคต.สะท้อน อ.นาทวี จ.สงขลา

หมอเดินเท้า.  ทหารพราน กองร้อยทหารพรานที่ 4102 ฉก.ทพ. 41 จัดกำลังพลชุดหมอเดินเท้า ตามโครงการ “หมอเดินเท้า ทุกก้าว เพื่อประชาชน” ดูและสุขภาพ ชาวบ้าน บ้านบึงน้ำใส หมู่ 5 ต.ตะโละหะลอ อ.รามัน จ.ยะลา

มอดไม้.  ร.ต.อ.เลิศ ธรรมพร หน่วยป้องกันรักษาป่า ยล. 1 ( กาบัง. ) เจ้าหน้าที่ ชฉ. พิเศษ ป่าไม้ สำนัก 13 ทหาร ร้อย ทพ. 4709 ฝ่ายปกครอง  และ  ตรวจสอบพบการบุกรุกป่า จำนวน 15 ไร่ ในป่าสงวนแห่งชาติป่ากาบัง ซึ่งเป็นป่าต้นน้ำ เพื่อติดตามผู้บุกรุกมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ต้อนรับ.   ปาริชาติ ทัศนะธรรม ผอ.วิทยาลัยการอาชีพสมเด็จเจ้าพะโคะ พร้อมด้วยคณะครูผู้บริหาร  และบุคลากรทางการศึกษา ขอแสดงความยินดี และยินดีต้อนรับ  คมสันต์ แก้วทะชาติ เนื่องในโอกาสได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการ ตำแหน่งครูผู้ช่วย แผนกวิชาช่างยนต์ ณ วิทยาลัยการอาชีพสมเด็จเจ้าพะโคะ อ.สทิงพระ จ.สงขลา

อบรม,  จิรวิทย์ แซ่เจ็ง ที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการ ปลัดสำนักนายกฯ ร่วมโครงการเยาวชนใส่ใจธรรม  ซึ่งจัดขึ้นที่ โรงเรียนเทศบาล 3 ( วัดพุทธภูมิ) เข้ารับการอบรม โดยมีไวยาวัจกร ให้การต้อนรับ ณ วัดพุทธภูมิ พระอารามหลวง อ.เมือง จ.ยะลา