สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล เมื่อวันที่ 29 ก.ย. ว่า เหตุอุทกภัยและดินถล่มที่เกิดจากฝนตก ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต เกิดขึ้นบ่อยครั้งในภูมิภาคเอเชียใต้ ในช่วงฤดูมรสุม ตั้งแต่เดือน มิ.ย.-ก.ย. แต่ผู้สันทัดกรณีหลายคนกล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ เพิ่มความถี่และความรุนแรงของภัยพิบัติเหล่านี้

นับตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา พื้นที่ทางตะวันออกและตอนกลางของเนปาล ถูกน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง โดยมีรายงานน้ำท่วมฉับพลันในแม่น้ำหลายสาย และเกิดความเสียหายอย่างหนักต่อทางหลวงของประเทศ

“ในตอนนี้ ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 101 ราย และมีผู้สูญหายอีกอย่างน้อย 64 คน” เจ้าหน้าที่ดัน บาฮาดูร์ คาร์กี โฆษกตำรวจเนปาล กล่าวเพิ่มเติมว่า ยอดผู้เสียชีวิตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ขณะที่ภารกิจค้นหาและกู้ภัยยังคงดำเนินต่อไปในพื้นที่ได้รับผลกระทบ

ด้านสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของเนปาล ระบุในหนังสือพิมพ์ “กาฐมาณฑุ โพสต์” ว่า หุบเขากาฐมาณฑุบันทึกปริมาณน้ำฝน 240 มิลลิเมตร ในเวลา 24 ชั่วโมง จนถึงช่วงเช้าของวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นปริมาณน้ำฝนระดับสูงสุดที่บันทึกได้ในเมืองหลวง นับตั้งแต่ปี 2513 เป็นอย่างน้อย

อนึ่ง ระดับน้ำที่สูงขึ้นในแม่น้ำบักมาตี และลำน้ำหลายสายที่ไหลผ่านกรุงกาฐมาณฑุ ทำให้ตลิ่งหลายแห่งพังทลาย ส่งผลให้บ้านเรือนและรถยนต์บริเวณใกล้เคียง จมอยู่ใต้บาดาล ขณะที่ชาวเมืองพยายามฝ่าน้ำท่วมที่สูงถึงหน้าอก เพื่อไปยังที่สูง ซึ่งจนถึงขณะนี้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ประมาณ 3,300 คน

นอกจากนี้ ดินถล่มยังปิดกั้นทางหลวงหลายสายที่เชื่อมต่อกรุงกาฐมาณฑุ กับพื้นที่อื่นของเนปาล ส่งผลให้ผู้เดินทางสัญจรหลายร้อยคน ติดค้างอยู่ในเมืองหลวงเช่นกัน.

เครดิตภาพ : AFP