สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ว่าสำนักงานสถิติแห่งชาติอาร์เจนตินา หรือ “อินเดก” รายงานว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ประชากรร้อยละ 52.9 จากประชากรทั้งหมด 47 ล้านคน อาศัยอยู่ในความยากจน และเกือบ 1 ใน 5 เผชิญกับภาวะยากจนข้นแค้น เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 41.7 ในช่วงครึ่งหลังของปี 2566

รัฐบาลของมิเลใช้นโยบายรัดเข็มขัดอย่างรุนแรง เพื่อขจัดการขาดดุลงบประมาณ และควบคุมภาวะเงินเฟ้อเรื้อรัง ซึ่งมาตรการที่ใช้ รวมถึงการลดเงินอุดหนุนค่าขนส่ง เชื้อเพลิง และพลังงาน แม้ทำให้ข้าราชการหลายพันคนต้องตกงานก็ตาม

อัตราเงินเฟ้อรายเดือนของอาร์เจนตินาอยู่ที่ร้อยละ 4.0 เมื่อเดือนก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นอีกครั้งเป็นร้อยละ 4.2 เมื่อเดือนส.ค. ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อของเดือนส.ค. ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 236.7 หากเทียบเป็นรายปี ยังถือเป็นหนึ่งในอัตราเงินเฟ้อที่สูงที่สุดในโลก

หลังมิเลเข้ารับตำแหน่งผู้นำอาร์เจนตินา เมื่อเดือนธ.ค. ปีที่แล้ว อัตราเงินเฟ้อรายเดือนของประเทศพุ่งสูงขึ้นร้อยละ 25.5 ซึ่งเป็นผลจากที่เขาปรับลดค่าเงินเปโซลงมากกว่าร้อยละ 50

ถัดมาในเดือน ม.ค. ปีนี้ รัฐบาลอาร์เจนตินารายงานการเกินดุลงบประมาณรายเดือน เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 12 ปี แต่ถือเป็นความสำเร็จที่นักวิจารณ์ตำหนิว่า “แลกมาด้วยคนจนและชนชั้นแรงงาน”

ขณะเดียวกัน ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของอาร์เจนตินา ลดลงร้อยละ 1.7 ในไตรมาสที่ 2 และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 7.6 โดยกลุ่มประชากรผู้หญิงได้รับผลกระทบหนักที่สุด.

เครดิตภาพ : AFP