วันที่ 26 ก.ย. “นายกฯอิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประชุมหารือร่วมกับคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกฯ นัดแรกที่บ้านพิษณุโลก โดย “หมอเลี๊ยบ” นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานที่ปรึกษาฯ กล่าวว่า ที่ปรึกษาแต่ละคนให้คำปรึกษาจะขับเคลื่อนเรื่องที่ถนัดเป็นพิเศษ โดยนายธงทอง จันทรางศุ สนใจการปฏิรูประบบราชการให้ง่ายต่อการรับใช้ประชาชน นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา เชี่ยวชาญกฎหมายมหาชน ก็จะช่วยดูกฎหมายต่างๆ เพื่อเอื้ออำนวยต่อการขับเคลื่อนระบบราชการ นายศุภวุฒิ สายเชื้อ มีความถนัดด้านเศรษฐกิจ สนใจนำเสนอนโยบายเศรษฐกิจ

ตนเองเคยเชิงสาธารณสุข และซอฟท์พาวเวอร์ ก็สนใจทำเรื่องนี้จริงจัง ขณะที่ นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษา มีประสบการณ์การเมืองมาก เสนอแนะนโยบายหลายนายกฯ มีความเชี่ยวชาญด้านภูมิทัศน์โลก การต่างประเทศ ส่งเสริมเอสเอ็มอี นายกฯ จะมองเห็นภาพรวมทั้งหมดในการทำงานขับเคลื่อนกับที่ปรึกษาคนอื่นๆ

หลังจากนี้บ้านพิษณุโลกจะใช้เป็นสถานที่เชิญผู้รับผิดชอบทั้งภาคราชการ ภาคเอกชนมาประชุมหารือกัน เพื่อนำเสนอแนวคิดกำหนดเป็นนโยบายต่อไป ประชุมทุกวันพฤหัสบดี ที่ประชุมมองว่า เรื่องแรกที่ต้องทำคือ การออกมาตรการเศรษฐกิจช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งมีแนวคิดเบื้องต้นแล้ว ต้องเป็นมาตรการสร้างรายได้ด้วย

“นายพันศักดิ์อายุ 80 ปี นายธงทอง อายุ 70 ที่เหลือ 60 กว่าปี แต่เชื่อว่าทั้ง 5 คน ไม่มีตกสมัย เราไม่ได้ทำงานกัน 5 คน จะตั้งอนุกรรมการมาดูรายละเอียดแต่ละเรื่องด้วย ผลงานคงวัดจากงานภาพใหญ่ของประเทศ เปรียบกับสมัย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกฯ ภาพใหญ่คือเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า ซึ่งเป็นใหญ่มาก นายกฯก็บอกว่าในระยะเวลาที่เหลืออยู่อีก 2 ปีกว่า สิ่งที่อยากเห็นคนไทยจะต้องพ้นความยากจน ประเทศพ้นสามารถหลุดพ้นปัญหาเศรษฐกิจ นำไปสู่ทิศทางที่ชัดเจนในการสร้างเศรษฐกิจกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง”

ซึ่งหากกระตุ้นเศรษฐกิจได้สำเร็จในเวลาที่เหลือตามอายุสภาชุดนี้ ก็จะเป็นผลดีต่อคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งปี 70 ท่ามกลางกระแสโจมตีที่คาดว่า จะถูกขุดมาพูดในการเลือกตั้งครั้งหน้า ทั้งเรื่องไม่จับมือพรรคก้าวไกลตั้งรัฐบาล นโยบายอย่างดิจิทัลวอลเลตก็ทำไม่ตรงปกที่เคยพูด

พรรคประชาชน ( ปชน.) ยืนยันความสำคัญของการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา เพื่อทำให้บางปัญหาทางการเมืองได้รับการแก้ไขไปพลางก่อน ในช่วงเปลี่ยนผ่านก่อนจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และเพื่อทำให้การเมืองมีเสถียรภาพและมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น “ไอติม พริษฐ วัชรสินธุ” สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. กล่าวว่า การแก้ไขเรื่องมาตรฐานจริยธรรมไม่ได้เป็นการแก้เพื่อตัวเองหรือเป็นปฏิกิริยาต่อเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง แต่เป็นไปเพื่อยุติการผูกขาดอำนาจเรื่องมาตรฐานจริยธรรมไว้กับศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ เสี่ยงจะทำให้มาตรฐานจริยธรรมถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งกันทางการเมือง

“แต่เมื่อทุกพรรคตัดสินใจว่าจะยังไม่เดินหน้าหาทางออกต่อปัญหาดังกล่าว ณ เวลานี้ เราไม่อยากให้เรื่องจริยธรรมกลายเป็นเงื่อนไขหรือข้ออ้างที่ทำให้พรรคการเมืองอื่นไม่เดินหน้าพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราฉบับอื่นๆ พรรค ปชน. พร้อมจะพักการผลักดันร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องมาตรฐานจริยธรรมไว้ก่อน จนกว่าจะสามารถทำงานเชิงความคิดกับพรรคร่วมรัฐบาลและสังคมได้มากกว่าที่เป็นอยู่”

นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ยิ่งในวันนี้ที่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีความเสี่ยงจะเสร็จไม่ทันการเลือกตั้งครั้งถัดไป อยากให้รัฐบาลชี้แจงโร้ดแม็ปให้ชัด ว่าการจัดทำประชามติ 3 ครั้ง วางกรอบเวลาไว้อย่างไร สุ่มเสี่ยงที่จะไม่ทันการเลือกตั้งในปี 70 หรือไม่

ในเรื่องคดีตากใบ รอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้เคยแถลงไปว่า คดีตากใบ จะหมดอายุความในวันที่ 25 ต.ค. จำเลยที่หนึ่งศาลออกหมายเรียก คือ “บิ๊กอ๊อด พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 ในขณะนั้น ยังไม่มีความคืบหน้า ไม่มีการตอบรับจากฝั่ง พล.อ.พิศาล แม้ตนเองจะเรียกร้องไปยังหัวหน้าพรรคเพื่อไทยในฐานะนายกฯ ให้โน้มน้าว พล.อ.พิศาล เดินทางไปยังศาล ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับใดๆ

ผู้สื่อข่าวสอบถาม “เสี่ยอ้วน”นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม แกนนำพรรคเพื่อไทย เรื่องการติดตามตัวบิ๊กอ๊อด ที่ข่าวล่าสุดคือลาประชุมไปรักษาตัวต่างประเทศ “บิ๊กอ้วน”ออกอาการฉุนใส่สื่อเป็นครั้งแรก ให้สัมภาษณ์ว่า “พูดมาหลายครั้งแล้วว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล เป็นคดีที่เจ้าตัวต้องไปต่อสู้เพื่อยืนยันถึงความเป็นธรรม ต้องเป็นความรับผิดชอบของแต่ละคน ซึ่งเหมือนกับทุกคดีที่ผ่านมาหากจำเลยหนีหน้าที่เราก็ต้องตามหาตัว ก็ทำได้แค่นั้น ถ้ารู้ว่ายังอยู่ในประเทศไทย ก็ไปจับหรือไปเชิญตัวมาได้”

เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.พิศาล เป็น สส.ของพรรคเพื่อไทย จะไม่รู้ความเคลื่อนไหวของ สส.ได้อย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า “แม้แต่เรื่องภายในบ้านไม่ว่าจะเป็นพี่หรือน้อง เวลาเดินทางไปไหนเขาก็ไม่ได้บอกเรา แล้วเราจะไปทราบได้อย่างไร ความสัมพันธ์ไม่ได้ระบุว่าจะต้องทราบทั้งหมด และขอย้ำว่าเป็นเรื่องของบุคคลแต่ละคนต้องตัดสินใจของตัวเอง คุณ ( สื่อ )เอาใจใส่แก้ปัญหาน้ำท่วมและประชาชนที่กำลังเดือดร้อนจะดีกว่า ผมอยากให้คุณได้ดูตรงนี้”

ก็ต้องลุ้นกันไปว่า วันที่คดีหมดอายุความ จะเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องได้บ้างหรือไม่ ตากใบเป็นความอยุติธรรมที่รอการแก้ไขมาร่วม 20 ปี

ความคืบหน้าเกี่ยวกับการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท “โกเกี๊ยะ” นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ” รมว.แรงงาน ตอบกระทู้ในสภาว่า “ตั้งใจปรับค่าแรงขั้นต่ำ 400บาท ในวันที่ 1ต.ค.2567 การประชุมคณะกรรมการไตรภาคีที่ตัวแทนฝ่ายต่าง ๆ มาไม่ครบ ต้องเลื่อนประชุม เป็นเรื่องที่ รมว.แรงงานไม่สามารถแทรกแซงได้ ตนเองมุ่งมั่นทำค่าแรง 400บาท ให้จบในเดือน ต.ค.นี้ ในส่วนเอสเอ็มอีมีนโยบายว่าในช่วงสิ้นปี2567-2568 จะประกาศค่าแรงขั้นต่ำเฉพาะเอสเอ็มอี การขึ้นค่าแรงต้องดูสถานะผู้ประกอบการ สภาวะเศรษฐกิจประกอบด้วย ไม่ใช่ประกาศแล้วเป็นเพียงลมปาก ในปี 2570 ค่าแรงขั้นต่ำอาจได้ไม่ถึง 600บาทก็ได้ แต่จะมีความก้าวหน้าอัตราค่าแรงขั้นต่ำที่ผู้ใช้แรงงานอยู่ได้

มีเรื่องสิทธิประโยชน์ประชาชนที่น่าสนใจ โดยวันเดียวกัน ที่โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง พร้อมด้วย นายพิพัฒน์ เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในโครงการ “สินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน ระหว่างสำนักงานประกันสังคม ( สปส.) กับธนาคารอาคารสงเคราะห์ ( ธอส.)” นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการ สปส. ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกับนายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธอส.

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประกันตนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง สปส. จับมือกับ ธอส. ออกโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน วงเงินจำนวนไม่เกิน 10,000 ล้านบาท สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 สามารถขอสินเชื่อดอกเบี้ย 1.59% ต่อปี คงที่เป็นระยะเวลา 5 ปี และในปีที่ 6 – 8 อัตราดอกเบี้ย MRR (Minimum Retail Rate) – 2% ต่อปี และตั้งแต่ปีที่ 9 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ยร้อยละ MRR – 0.5% ต่อปี ผู้ประกันตนจะได้รับสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำไม่เกินรายละ 2,000,000 บาท

นายกมลภพ กล่าวว่า ผู้ประกันตนทั้ง 3 มาตรา ขอสินเชื่อภายใต้วงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท หากกู้ 1 ล้านบาทผ่อนชำระเงินงวดเพียง 3,400 บาทเท่านั้น ส่วนนายบุญสงค์ กล่าวว่า สามารถขอสินเชื่อได้ 3 วัตถุประสงค์ ได้แก่ 1.เพื่อซื้อที่อยู่อาศัย 2.เพื่อปลูกสร้างที่อยู่อาศัย และ 3.เพื่อซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างที่อยู่อาศัย แต่ไม่สามารถขอสินเชื่อเพื่อรีไฟแนนซ์

ผู้ประกันตนที่สนใจสามารถขอหนังสือรับรองสถานะความเป็นผู้ประกันตนได้จาก Application SSO Plus ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2567 สามารถยื่นขอสินเชื่อกับ ธอส.ได้ตามวันที่ระบุ โครงการนี้จะสิ้นสุดในวันที่ 30 ธ.ค. 2568 หรือจนครบวงเงินที่ได้รับอนุมัติโครงการ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ ทั้ง 12 แห่ง สำนักงานประกันสังคมจังหวัด/สาขาที่สะดวก หรือ โทรสายด่วน 1506 ตลอด 24 ชั่วโมง ดูรายละเอียดที่ www.sso.go.th.

ก็เป็นอีกหนึ่งนโยบายที่รัฐบาลออกมาเพื่อช่วยเหลือประชาชน

ปิดท้ายด้วยความแตกแยกของพรรคพลังประชารัฐ ( พปชร.) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา พปชร.ให้สัมภาษณ์ว่า คงไปทำงานกับ สส.พปชร.กลุ่ม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ได้แล้ว เพราะแก้วมันไม่ร้าว แต่แตกไปแล้ว ถ้าขับกลุ่มตนออกจากพรรคเมื่อไรก็จะฉลองเลย

เมื่อถามว่า มีคนไปร้องเรียนเรื่อง ร.อ.ธรรมนัสยังเข้าไปที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า “ใครร้อง เชิญเลยครับ คนเราอ่านกฎหมายอย่าอ่านมาตราเดียว แล้วอย่าเล่นการเมืองมากเกินไป อย่ามาขู่ ใครสวนมาใครแรงมา ผมสวนกลับเหมือนเดิม น้ำท่วมบ้านผม แล้วน้องชายผม ( นายอัครา พรหมเผ่า ) เป็นรัฐมนตรีช่วยอยู่ ผมจะเข้าไปกินข้าวกับน้องผมไม่ได้เลยหรือ มันเกินไปแล้ว อย่าเยอะเกินไป ฝากบอกทุกคนรวมทั้งสื่อบางสำนัก”

เมื่อถามว่า ที่ พล.อ.ประวิตร โดนโจมตีตอนนี้ มีความเป็นห่วงอะไรหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า “ถ้าผมยังอยู่จะไม่โดนแบบนี้ เราดูแลให้อยู่ในกรอบของกฎหมายของการเป็น สส. ไม่ใช่เอาใจ แล้วนำเขาไปในทิศทางที่ผิด ผมไม่ได้ว่าใคร มันเป็นหน้าที่ของแม่บ้าน สส. ( คือตำแหน่งเลขาธิการพรรค ) สส. ฝั่ง พล.อ.ประวิตรจะข้ามมาอยู่กับผม ผมไม่รับ พอเท่านี้ เดี๋ยวไปหาว่าทำอะไรพรรคเขา” ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า แสดงว่า พรรค พปชร.ไม่รอดหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า “ให้ตอบตรงๆหรือไม่ เดี๋ยวจะไปอีก 8 คน”

ซึ่งดูอนาคตแล้ว เลือกตั้งเที่ยวหน้าก็น่าสนใจว่า หัวหน้าและเลขาพรรคคนปัจจุบัน นำทัพสู้ศึกได้หรือไม่ แต่เชื่อกันว่า พวกบ้านเก่าทางการเมืองคงทยอยออกกันอีกมาก.

“ทีมข่าวการเมือง”