นายชรินทร์ ตันเจริญ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรม เดอะ ทวิน ทาวเวอร์ กรุงเทพฯ กล่าวว่า ความนิยมของย่านบรรทัดทองเป็นแม็กเน็ตดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่นี้จำนวนมาก ช่วยเพิ่มยอดขายห้องพักให้โรงแรม เดอะ ทวิน ทาวเวอร์ กรุงเทพฯ ได้เป็นอย่างดี โดยแขกส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจีน ครองสัดส่วนมากอันดับ 1 ถึง 50% รองลงมาเป็นชาติยุโรป ตะวันออกกลาง 35%  และอีก 15% มาจากนักท่องเที่ยวชาติอื่นในเอเชีย เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ รวมถึงลูกค้าคนไทย

ทั้งนี้นักท่องเที่ยวที่นิยมเดินทางมาย่านบรรทัดทองส่วนใหญ่เป็นคนไทยและคนจีน เฉพาะตลาดคนจีนมีทั้งกลุ่มกรุ๊ปทัวร์และกลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง (FIT) ที่เป็นคนรุ่นใหม่ชื่นชอบการท่องเที่ยวตามรอยโลกโซเชียล ซึ่งนักท่องเที่ยวช่วยกันโปรโมตจนย่านบรรทัดทองแจ้งโด่งดังเป็นที่รู้จักในกลุ่มนนักท่องเที่ยวจีน

แม้ว่าโลเคชั่นของโรงแรมฯ จะห่างจากสถานีรถไฟฟ้า แต่ปรับตัวเพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมของลูกค้าด้วยการให้บริการรถชัตเทิลบัสแวะจอด 3 จุดสำคัญ ได้แก่ บีทีเอสสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ ศูนย์การค้าเอ็มบีเค และร้านเจ๊โอว หนึ่งในผู้จุดกระแสความดังของย่านบรรทัดทอง โดยโรงแรมฯ ให้บริการรถเวียนทุกๆ 30 นาที เก็บค่าบริการ 30 บาทต่อคน เป็นอีกหนึ่งบริการอำนวยความสะดวกรองรับความต้องการของกลุ่ม FIT อย่างไรก็ตามแม้ย่านบรรทัดทองกำลังฮอตฮิต แต่ไม่ได้ดึงดูดคนไทยให้เข้าพักโรงแรมนี้เพื่อเดินชิลกินของอร่อยเป็นการเฉพาะ จึงต้องปรับกลยุทธ์รุกทำตลาดกลุ่มนักกีฬามาเข้าพัก รวมถึงจัดโปรโมชันห้องอาหารของโรงแรมฯ เพื่อดึงลูกค้าคนไทยเข้ามาใช้บริการ

นายชรินทร์ กล่าวว่า  หลังหมดยุคโควิด โครงสร้างลูกค้าของโรงแรมเดอะ ทวิน ทาวเวอร์ กรุงเทพฯ เปลี่ยนไปมาก ต่างจากก่อนโควิดที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนมากถึง 80-90% แต่ปัจจุบันเรากระจายความหลากหลาย ช่วยทำให้รายได้ปี 2567 ฟื้นตัว 80% เทียบปี 2562ก่อนโควิดระบาด คาดว่าจะกลับมาฟื้นเต็ม 100% ในปี 2568

ทั้งนี้ โรงแรมฯ ได้รีโนเวตครั้งใหญ่เพื่อให้ดูทันสมัยด้วยดีไซน์โปร่ง โล่ง สบาย ปัจจุบันให้บริการห้องพักจำนวน 540 ห้องพัก แบ่งเป็น 6 แบบห้อง ราคาเริ่มต้น 1,500-4,200 บาทต่อห้องต่อคืน คาดสิ้นปี 2568 จะรีโนเวตแล้วเสร็จทั้งหมด สามารถให้บริการห้องพักได้ครบทั้ง 660 ห้อง รวมถึงห้องประชุมสัมมนาต่างๆ ที่ได้รับการปรับปรุงเช่นกัน ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักอีกทาง โดยเฉพาะลูกค้างานประชุมสัมมนาจากหน่วยงานภาครัฐ

นอกจากนี้เมื่อรีโนเวตโรงแรมฯ บางส่วนแล้ว เราสามารถขึ้นค่าห้องพักได้ 20% มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในช่วง 8-9 เดือนแรกของปีนี้ที่ประมาณ 80% ทำให้ปีนี้แม้ภาพรวมรายได้จะยังน้อยกว่าช่วงก่อนโควิด 20% แต่กำไรถือว่ากลับมาใกล้เคียงปี 2562 แล้ว อยู่ที่ระดับ 35-40% เนื่องจากเรารัดเข็มขัด บริหารต้นทุนได้ดีขึ้น เช่น ต้นทุนแรงงาน ก่อนโควิดเรามีพนักงานเกือบ 500 คน แต่หลังโควิดมีจำนวนเหลือ 270 คน ลดลงไปเกือบครึ่ง ซึ่งต้องเดินหน้ารีสกิลพนักงานให้สามารถทำงานได้หลายหน้าที่ นอกจากนี้เรายังว่าจ้างพนักงานจากบริษัทเอาต์ซอร์ส ซึ่งช่วยลดต้นทุนไปได้ 20% ทำให้ค่าใช้จ่ายจิปาถะของพนักงานลดลงตามไปด้วย