สำนักข่าวเอพีรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 17 ก.ย.ว่าในรายงานของคณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งชาติของสหรัฐ ( เอ็นทีเอสบี ) ที่จัดทำขึ้นหลังเกิดเหตุการณ์เที่ยวบิน 1549 ของสายการบินยูเอส แอร์เวย์ส ซึ่งใช้เครื่องบินแอร์บัส เอ320 ร่อนลงจอดฉุกเฉินบนแม่น้ำฮัดสัน เมื่อวันที่ 15 ม.ค.2552 ระหว่างอยู่บนเส้นทางจากนครนิวยอร์กสู่เมืองชาร์ลอตต์ ในรัฐนอร์ทแคโรไลนา มีการเสนอให้ปรับปรุงมาตรการด้านความปลอดภัยบนเครื่องบิน 35 รายการ แต่กลับมีเพียง 6 รายการเท่านั้นที่ได้รับการ “ยอมรับ” และนำไปปฏิบัติจริง

ขณะที่คำแนะนำอีก 14 รายการที่เอ็นทีเอสบีเสนอไปยังสำนักงานการบินพลเรือนแห่งชาติของสหรัฐ ( เอฟเอเอ ) และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งสหภาพยุโรป ( อีซา ) ได้รับการตอบกลับว่า “เกือบเกินรับได้” โดยมีการยกเลิกมาตรการข้อหนึ่งในเวลาต่อมา ส่วนที่เหลือยังไม่มีการแก้ไขเพิ่มเติมอีก

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นบนเที่ยวบินนั้นและการดำเนินการสืบสวนสอบสวนอย่างเข้มข้นที่เกิดขึ้นตามมา ได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์เรื่อง “ซัลลี”  บอกเล่าเรื่องราวของเชสลี ซัลเลนเบอร์เกอร์ หรือ “ซัลลี” ซึ่งรับบทโดยทอม แฮงค์ส กัปตันบนเที่ยวบิน 1549 เจฟฟ์ สไคลส์ นักบินผู้ช่วย รับบทโดยแอรอน เอ็คฮาร์ต พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน เจ้าหน้าที่หอควบคุมการบิน กัปตันเรือเฟอร์รี หน่วยกู้ภัย และผู้โดยสารอีก 150 คนบนเที่ยวบิน ที่ร่วมกันสร้าง “ปาฏิหาริย์บนแม่น้ำฮัดสัน” โดยทุกฝ่ายต่าง “ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเป็นมืออาชีพ” เพื่อให้สถานการณ์ในช่วงเวลานั้นจบด้วยการห่างไกลจากคำว่า “โศกนาฏกรรม” มากที่สุด 

เครื่องบินลำดังกล่าวสูญเสียการควบคุมเครื่องยนต์ทั้งสองตัวหลังชนเข้ากับฝูงห่านแคนาดา เพียงไม่กี่นาทีหลังเทคออฟจากสนามบินลากัวร์เดียในนครนิวยอร์ก ซึ่งการลงจอดบนแม่น้ำฮัดสันท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็นและกระแสลมกระโชกแรงจัด สามารถทำให้ร่างกายเกิดภาวะช็อกได้ภายในเวลา 5 นาที ทว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นไม่มีใครเสียชีวิต แม้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 5 คนแต่ทุกคนมีอาการดีขึ้นเป็นลำดับ และหายเป็นปกติในเวลาต่อมา

นายทอม เฮาเตอร์ เจ้าหน้าที่ของเอ็นทีเอสบีซึ่งทำหน้าที่หัวหน้าทีมสืบสวนสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กล่าวว่าในตอนนั้นเอฟเอเอมี “ความกังวลอย่างยิ่ง” ต่อเรื่องนี้ แม้ทุกฝ่ายเห็นพ้องกันว่าเป็นเหตุการณ์ที่ “ประสบความสำเร็จอย่างน่าอัศจรรย์” แต่สำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเหตุการณ์ครั้งนี้ได้เผยให้เห็นปัญหาอีกมากมายของมาตรการด้านความปลอดภัยภายในห้องโดยสาร และวิธีบริหารจัดการสถานการณ์ของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์

ข้อเสนอของเอ็นทีเอสบีที่ไม่ผ่านการอนุมัติจากเอฟเอเอรวมถึง การเพิ่มการฝึกฝนสภาพจิตใจของนักบินในยามเผชิญกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน การเปลี่ยนตำแหน่งจัดเก็บเสื้อชูชีพและแพยางกู้ชีพให้อยู่ในตำแหน่งที่ง่ายแก่การนำมาใช้งานมากขึ้น และการให้บนเครื่องบินทุกลำต้องมีแพชูชีพที่สามารถลอยบนพื้นน้ำขนาดกว้างได้ แม้เที่ยวบินนั้นไม่ผ่านทะเลหรือแม่น้ำสายใหญ่เลยก็ตาม แต่กลับได้รับคำตอบจากเอฟเอเอว่า “ให้เป็นไปตามวิจารณญาณของสายการบินแต่ละแห่ง”

ผลการสืบสวนสอบสวนของเอ็นทีเอสบีพบด้วยว่า มีผู้โดยสารเพียง 10 คนบนเที่ยวบิน 1549 ที่สามารถสวมเสื้อชูชีพได้อย่างถูกวิธี ขณะที่ความเร็วและการใช้ระยะทางของเครื่องบินในการลงจอดบนผิวน้ำนั้นเป็นการกระแทกด้วยความเร็วที่มากเกินกว่ามีการออกแบบไว้สำหรับเครื่องบินรุ่นนี้ ส่งผลให้ส่วนท้องของเครื่องบินได้รับความเสียหาย แพชูชีพขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงส่วนท้ายไม่สามารถนำออกมาใช้งานได้ เหลือเพียงประตูสไลด์และแพงยางขนาดเล็กอีก 2 ลำด้านหน้า ที่รองรับจำนวนคนได้รวมกัน 110 คน ซึ่งไม่เพียงพอกับจำนวนผู้โดยสาร 150 คน และลูกเรืออีก 5 คน ผู้โดยสารจำนวนไม่น้อยจึงต้องไปยืนออกันอยู่บนปีกเครื่องบินแทน

ในประเด็นนี้เอฟเอเอแสดงความไม่พอใจต่อการตัดสินใจของซัลเลนเบอร์เกอร์ โดยกล่าวว่าหากนักบินใช้ความเร็วในการลงจอดกระแทกกับพื้นผิวภายในระดับที่แอร์บัสกำหนดไว้ ประตูฉุกเฉินที่อยู่ด้านท้ายของเครื่องบินจะสามารถใช้การได้และแพชูชีพจะนำออกมาใช้งานได้ อย่างไรก็ตาม เอ็นทีเอสบีโต้แย้งว่าสถานการณ์ดังกล่าวเป็นภาวะคับขันที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและนักบินต้องจัดการสถานการณ์ท่ามกลางแรงกดดัน อีกทั้งสภาพแวดล้อมรอบด้านในเวลานั้นอยู่ในสถานะที่ไม่อาจวางใจได้ด้วย

ทั้งนี้ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตามในภาพยนตร์หลังเครื่องยนต์ทั้งสองตัวเกิดขัดข้องจากการชนกับฝูงห่านนั้น สไคลส์ซึ่งเป็นนักบินผู้ช่วยตรวจสอบเช็คลิสต์และเปิดคู่มือความปลอดภัยทันทีเพื่อเร่งหาทางสตาร์ทเครื่องยนต์อีกครั้ง แต่คู่มือนั้นเป็นข้อปฏิบัติในกรณีเครื่องยนต์มีปัญหาที่ระดับความสูงคงที่ไม่ต่ำกว่า 20,000 ฟุต ขณะที่เที่ยวบินของซัลเลนเบอร์เกอร์และสไคลส์เกิดปัญหาที่ระดับความสูงเพียง  2,818 ฟุตเท่านั้น เอ็นทีเอสบีจึงเสนอการแก้กฎให้สายการบินเพิ่มมาตรการฉุกเฉินรองรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นบนพิกัดระดับต่ำด้วย แต่เอฟเอเอกลับยังคงปฏิเสธแนวคิดนี้

คลิปประกอบ : Warner Bros. Pictures, CBS News, Nancy Pelosi